Hate to …
Buried Stars
Fanfiction
Heo WooSuk x Han
DoYoon
‘นายทำแบบนี้ได้ยังไง..? กล้าทำได้ยังไงกัน หา?!’
ภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมขนาดย่อมที่มีเครื่องดนตรีสากลชนิดต่างๆ
วางอยู่ และมีการติดตั้งแผ่นกันเสียงรบกวนเอาไว้ทั่วทุกจุดของผนังสีนวล เสียงคำรามของชายผู้มีเรือนผมซอยสั้นสีบลอนด์คนหนึ่งได้ดังขึ้น
น้ำเสียงแบบนั้น แม้แต่ให้เด็กน้อยระดับชั้นอนุบาลมาฟังก็คงจะยังสามารถรับรู้ได้ในทันทีเลยกระมังว่าเจ้าของเสียงมันกำลังโมโหมากขนาดไหนน่ะ?
ชายคนดังกล่าวยกมือข้างขวาขึ้นขยี้กลุ่มผมบริเวณส่วนหน้าม้าของตัวเองจนมันยุ่งเหยิงนิดหน่อยคล้ายกับต้องการระบายอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นของตัวเอง
จากนั้นจึงตวาดต่อด้วยเสียงที่ดังมากเหมือนเดิม
‘ตอบมาสิ ว่านายทำได้ยังไง? ถ้ามันแค่กับตัวนายคนเดียว ฉันจะไม่พูดไม่ว่าอะไรสักคำ
แต่นี่มันคือโอกาสของคนทั้งวงนะ นายทำลายโอกาสการเปิดตัวเดบิวต์ของวงเรา
นายทำลายโอกาสของพวกเราทุกคนในมาสเคอร์เรดเลย!’
ด้วยความที่ว่าสถานที่แห่งนี้มันคือห้องสำหรับการซ้อมดนตรีที่มีระบบป้องกันเสียงรบกวนติดตั้งไว้อย่างมีคุณภาพ
ดังนั้น ต่อให้ส่งเสียงเสียงดังหรือเอะอะโวยวายมากแค่ไหน คนข้างนอกก็ไม่มีทางที่จะได้ยินแน่
ทว่ากับคนที่อยู่ข้างในน่ะมันคนละเรื่องเลย เหล่าชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอีกสี่คนได้แต่มองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเลิ่กลั่ก
พวกเขามองไปที่หนุ่มตัวสูงผมบลอนด์ที่เพิ่งจะกล่าวประโยคยาวเหยียดด้วยความอารมณ์เสียไปเมื่อกี้สลับกับหนุ่มอีกคนที่ตัวเล็กกว่า
ผอมบางกว่า มีผมยาวสยายสีดำขลับดั่งแพรไหมที่ถูกมัดรวบเป็นหางม้าเอาไว้ที่ด้านหลังผู้ซึ่งเอาแต่ยืนมองคู่กรณีของตัวเองด้วยสีหน้านิ่งเฉย
ชายตัวหนาตัดผมสั้นเกรียนที่กำลังถือคู่ไม้กลองเอาไว้ในมือซ้ายยืนชั่งใจอยู่สักครู่หนึ่ง
จากนั้นจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาชายผมบลอนด์ที่อารมณ์กำลังปะทุอย่างน่ากลัว
เขาวางมือขวาที่ยังว่างลงบนไหล่ของเพื่อนเพื่อเป็นการปราม
‘นี่ คือฉันเข้าใจนายแหละ แต่นายควรจะใจเย็นลงสักหน่อยดีกว่านะอูซอกอา’
‘เงียบน่า จูยง!’ ทว่ามันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นสักนิด
ฮออูซอกผู้เป็นนักร้องนำประจำวงร็อคระดับกลางที่ชื่อว่ามาสเคอร์เรดหันไปตะคอกรุนแรงใส่มือกลองอย่างคิมจูยงแบบไม่เกรงกลัวเลยว่าเสียงตัวเองอาจได้รับความเสียหายก็ได้
‘นายจะให้ฉันใจเย็นได้ยังไง? โอกาสดีๆ ต้องมาพังไปเพราะความงี่เง่าของคนๆ
เดียวแบบนี้เนี่ยนะ? บ้าบอสิ้นดี!!’
‘คนที่งี่เง่าน่ะมันอูซอกต่างหาก’ ฝ่ายชายผมยาวที่ยืนเงียบมานานเปิดปากพูดบ้าง
แม้จะไม่ได้ใช้เสียงที่ดังเท่ากับฝ่ายคู่กรณี แต่คู่ตาสีดำสนิทนั่นก็แสดงความดุดันออกมาอย่างแรงกล้าเลยล่ะ
‘เมื่อกี้นายพูดใช่ไหม?
ว่านายจะไม่ว่าอะไรฉันเลยถ้าฉันทำลายโอกาสของตัวฉันเองคนเดียว?
งั้นฉันจะขอคืนคำพูดนั้นให้นายบ้างนะ.. ฉันจะไม่พูดไม่ว่าอะไรเลยเหมือนกัน
ถ้านายไม่เห็นแก่ตัว เลือกที่จะทิ้งเพื่อนบางคนไว้ข้างหลังเพื่อความสำเร็จของตัวเองน่ะ’
‘ฮันโดยุน!!’
‘เฮ้ย?! อูซอก ใจเย็นๆ!!’ เหมือนดั่งราดน้ำมันลงไปในกองไฟ
ประโยคของฮันโดยุนผู้ที่เป็นทั้งมือเบสรวมถึงคนที่คอยแต่งเพลงให้แก่วงมาสเคอร์เรดนั้นทำให้ฮออูซอกไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปและตัดสินใจพุ่งตัวใส่หมายจะเข้าไปกระชากลำคอเล็กๆ
ของอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด ภาพที่เห็นทำให้จูยงรีบออกปากห้ามและส่งสองแขนเข้าไปรั้งตัวอูซอกเอาไว้โดยมีเพื่อนอีกสองคนคอยช่วยด้วย
‘โดยุนอา ไม่เป็นไรนะ?!’
‘อื้อ ไม่เป็นไรหรอก’ ซึ่งในจังหวะเดียวกัน
สมาชิกที่เหลืออยู่อีกคนที่มีตำแหน่งเป็นมือกีตาร์ก็รีบวิ่งเข้าไปหามือเบสตัวน้อยอย่างรวดเร็ว
โดยุนพยายามซ่อนสองมือของตัวเองที่กำลังสั่นอยู่นิดหน่อยเนื่องจากความตระหนกตกใจเอาไว้ที่ด้านหลัง
และพยายามฉีกรอยยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้เพื่อนของตัวเองต้องรู้สึกเป็นห่วงมากไปกว่านี้
‘ขอบใจนะแทฮี’
‘เหอะ ตอ***’ หากแต่ว่ากิริยาอาการดังกล่าวมันก็ยิ่งไปเติมเชื้อไฟในใจนักร้องนำหนุ่มให้โหมแรงมากขึ้น
อันที่จริงแล้ว ในมุมมองของทุกคนในวงมาสเคอร์เรด
ท่าทางแบบนั้นของโดยุนมันไม่ได้มีจุดที่ผิดแปลกอะไรเลย
แต่คงเพราะว่ากำลังทะเลาะกันอยู่นั่นแหละ มันเลยทำให้ไม่ว่าโดยุนจะทำผิดหรือไม่
หรือแค่กำลังยืนหายใจเฉยๆ มันก็ไม่ถูกใจอูซอกทั้งนั้น ..อูซอกจ้องมองไปที่มือของแทฮีที่กำลังวางอยู่บนลาดไหล่บางข้างซ้ายของโดยุนพลางเดาะลิ้น
จากนั้นจึงเริ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ‘ทีกับคนอื่นน่ะแคร์จังเลยนะ?
ยิ้มให้ง่ายจังเลยนะ? ทีกับฉันไม่เห็นจะยอมง่ายแบบนั้นบ้างเลย— อ้อ ใช่สิ? มันแน่อยู่แล้วที่นายจะดีกับคนอื่นๆ มากกว่า ก็ฉันมันมาทีหลังนี่นา?
คนมาทีหลังมันก็ต้องถูกเมินเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่!’
‘เฮ้ๆ อูซอก หยุดเลย!’
แทฮีรีบออกปากปรามอูซอกทันที
เพราะเขา— ไม่สิ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวหรอก
สมาชิกในวงมาสเคอร์เรดทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจความนัยที่แอบแฝงอยู่ในประโยคของนักร้องนำผมบลอนด์กันหมดล่ะ
ก็น้ำเสียงตัดพ้อแบบนั้นและไหนจะลักษณะการพูดที่ออกไปในทางประชดประชันแบบนี้อีก
ให้มองมาจากยอดเขาฮันลาซานก็ยังดูออกเลยมั้งว่าฮออูซอกต้องการได้รับความสนใจและชอบฮันโดยุนมากขนาดไหนน่ะ?
ก็นั่นแหละ อย่างที่บอกไป ว่าพวกเขาที่เป็นสมาชิกในวงน่ะรู้เรื่องนี้กันหมด ถ้ามันจะมีใครสักคนที่ไม่รู้
ก็คงจะเป็นฮันโดยุนผู้ที่ภายนอกแลดูน่ากลัวแต่ตัวจริงกลับใสซื่ออย่างไม่น่าเชื่อ และเจ้าของประโยคอย่างตัวฮออูซอกเองเท่านั้นแหละ!
อ่า
หงุดหงิด.. ก็จริงว่าเรื่องที่ความสัมพันธ์ภายในวงเกิดรอยร้าวมันก็น่าหงุดหงิด
แต่พฤติกรรมของฮออูซอกมันน่าหงุดหงิดกว่าเยอะเลย บอกเขาไหมก็ไม่เคยบอก
สารภาพไหมก็ไม่เคยสารภาพ แล้วยังจะมีหน้าไปประชดไอ้ตัวเล็กมันอีก แทฮียอมไม่ได้..
ยอมไม่ได้จริงๆ!
‘นายมีสิทธิ์อะไรไปประชดโดยุนแบบนั้น ในเมื่อตัวนายเองก็ไม่เคยบอกโดยุนว่านายชอ—’
‘? พูดอะไรของนายน่ะ? มาก่อนมาหลังมันไม่เกี่ยวกันสักหน่อย สำหรับฉัน
ทุกคนในมาสเคอร์เรดก็สำคัญหมด รวมถึงนายด้วยอูซอก
ซึ่งก็เพราะว่าทุกคนเป็นคนสำคัญนี่แหละฉันก็เลยรับเรื่องที่นายแอบไปทำข้อตกลงกับค่ายเพลงเอาไว้โดยที่ไม่ยอมอธิบายอะไรให้พวกฉันฟังเลยไม่ได้
ที่สำคัญ
นายยังยอมที่จะเปลี่ยนสไตล์ของวงมาสเคอร์เรดและไล่เพื่อนบางคนออกเพื่อที่จะให้ได้เซ็นสัญญาอีก’ ทว่ายังเผยความจริงได้ไม่ทันจบ มือเบสตัวบางผู้จริงจรังกับทุกอย่างแต่ดันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
แถมยังเข้าใจไปเองอีกว่าแทฮีกำลังชวนอูซอกทะเลาะเพราะไม่พอใจเรื่องสัญญาก็ชิงขัดขึ้นมาซะก่อน
โดยุนเว้นระยะเอาไว้เล็กน้อยพลางมองเข้าไปในดวงตาของอูซอกที่กำลังดูวูบไหวอย่างแปลกประหลาด
แม้จะรู้สึกสงสัยในสายตาลักษณะนั้นอยู่บ้าง แต่สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจพูดต่ออยู่ดี ‘ไปออดิชั่นรายการบูรี่ด์สตาร์กัน’
‘หา?’
‘ก็เพราะว่าการเซ็นสัญญาเพื่อเปิดตัวเดบิวต์กับค่ายเพลงมันพังเพราะฉันไปแล้วใช่ไหมล่ะ?
เพราะฉะนั้น ฉันจะยอมทำตามข้อเสนอที่สองของอูซอกก็ได้ ไหนๆ ใบสมัครก็ถูกส่งไปแล้วด้วยนี่’
คนตัวเล็กเริ่มพูดต่อหลังจากที่ได้ยินเสียงอุทานของเพื่อนๆ
ทุกคนในวงรวมถึงฮออูซอกดังประสานกัน
มือเรียวข้างขวายกขึ้นจับไปที่ยางรัดผมก่อนจะค่อยๆ
ดึงมันลงมาจนเส้นผมนุ่มที่ถูกรวบมัดเอาไว้ถูกปล่อยเป็นอิสระ มือเรียวที่กำลังถือหนังยางสีชมพูปัดเส้นผมส่วนที่ไม่เข้าที่เข้าทางให้ขยับพ้นไปเบาๆ
ก่อนที่ริมฝีปากรูปกระจับที่ถูกเจาะบริเวณมุมซ้ายล่างเอาไว้จะเริ่มขยับเปล่งเสียงอีกครั้ง
‘ไปออดิชั่นกัน.. ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ
มาพยายามและทำให้มาสเคอร์เรดประสบความสำเร็จด้วยกันเถอะ’
***
“..อืม?”
ภายในห้องนั่งเล่นของอพาร์ทเม้นต์ขนาดกลางแห่งหนึ่ง
เสียงของชายผมบลอนด์ที่กำลังนอนหงายอยู่บนโซฟากลางห้องได้ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
ดวงตาคมเกร็งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ ผ่อนคลายและเปิดขึ้นมา
จากนั้นจึงตามด้วยร่างสูงที่ยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง
มือใหญ่ข้างขวาสัมผัสบีบนวดวนอยู่บนเปลือกทั้งสองข้างเพื่อผ่อนคลายอาการปวดหนึบในขณะที่สองคิ้วก็ขมวดกันแน่นไปด้วย
เฮ้อ.. ให้ตายสิ..
จะฝันทั้งที
ทำไมต้องไปฝันถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยนะ?
นั่นเป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตระหว่างเขากับมือเบสหัวทึบประจำวงคนนั้นอย่างฮันโดยุน
หากให้ลองมาคำนวณดูล่ะก็ มันก็น่าจะผ่านมาเกือบสามสี่เดือนได้แล้วมั้ง?
ในปัจจุบันนี้ เขากับเพื่อนๆ
ที่เหลือก็ได้ตกรอบจากรายการบูรี่ด์สตาร์ซีซั่นที่สี่กันหมดแล้ว
โอเคที่ว่าพวกเขายังมีงานร้องเพลงเข้ามาอยู่เรื่อยๆ และแฟนคลับบางส่วนก็ยังคงเหนียวแน่น
จะเรียกว่าพวกเขาออกไปเสี่ยงโชคผจญภัยตามหาสมบัติในโลกกว้างมา แต่ก็หาไม่เจอจนต้องซมซานกลับไปอยู่จุดเดิมก็ได้
ทว่า..
แม้หลังจากที่พวกเขาพลาดทั้งเรื่องการเซ็นสัญญากับค่ายเพลง
และการออดิชั่นในบูรี่ด์สตาร์ไป หลายๆ อย่างมันจะไม่ได้ตกต่ำลงมากขนาดที่คาดการณ์เอาไว้ตอนแรกแถมยังกำลังจะฟื้นฟูกลับไปเป็นแบบที่มันเคยเป็นก็เถอะ
แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่มันไม่เหมือนเดิมเหมือนกัน
ไม่ได้กลับมา..
ฮันโดยุนไม่ได้กลับมากับพวกเขาด้วย
จะเพราะว่าพวกเขาอ่อนเกินไป หมอนั่นเก่งเกินไป หรือเพราะอะไรอูซอกก็ไม่รู้หรอก
แต่โดยุนเป็นคนเดียวที่สามารถผ่านรอบคัดเลือกของรายการบูรี่ด์สตาร์ไปได้ และประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือหมอนั่นยอมที่จะไปต่อทั้งๆ
ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าพวกเขาไม่ได้ไปด้วยนี่แหละ ซึ่งถามว่าเขาโกรธไหม?
แน่นอนว่ามันก็ต้องโกรธอยู่แล้ว โดยุนมักจะบอกเสมอว่าตัวเองรักวงยังงั้นยังงี้
ทุกคนในวงเป็นคนสำคัญสำหรับตัวเองยังงี้ยังงั้น แต่สุดท้าย ก็ดันเข้ารับการออดิชั่นต่อคนเดียวจนได้ฉายาสุดน่าตลกจากผู้คนในอินเทอร์เน็ตอย่างไอ้คนทรยศที่จะติดตัวเป็นตราบาปไปตลอดชีวิตไปครองในที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องนี้
ตอนแรกๆ อูซอกก็คิดว่ามันสมควรแล้ว เขาอาจจะเป็นคนเสนอเรื่องการออดิชั่นก็จริง
แต่คนที่เลือกจะปล่อยมือเขา— ปล่อยมือคนในวงก่อนก็คือโดยุนเองนะ
ดังนั้น ในช่วงก่อนเขาจึงเลือกที่จะไประเบิดทุกอย่างลงในอินเทอร์เน็ต กล่าวสาปแช่งมือเบสผู้มีไฝเม็ดจ้อยประดับอยู่ใต้ดวงตาข้างขวาวันแล้ววันเล่าจนในบางครั้งก็ถึงขั้นแท็กหาเจ้าตัวในเฟเธอร์แล้วพิมพ์ถ้อยคำประชดประชันเพื่อระบายอารมณ์เลยด้วยซ้ำ
ใช่ ในตอนนั้นน่ะเขาโกรธ.. โกรธคนตัวเล็กคนนั้นมากจริงๆ!
ทว่าหลังจากที่หัวเย็นลง
อูซอกก็เข้าใจว่าตัวเองไม่ได้โกรธโดยุนเลย แทนที่จะเรียกว่าโกรธ เรียกว่าเสียใจน่าจะเหมาะกว่า
เขาเสียใจที่ทำให้มาสเคอร์เรดที่โดยุนคอยให้ความรัก คอยดูแลทะนุถนอมมาตลอดต้องมีรอยร้าว
เสียใจที่ทำให้เพื่อนๆ ทุกคนต้องแตกแยกไปคนละทิศคนละทางจนทำให้โดยุนต้องรู้สึกแย่
เสียใจที่จะไม่ได้ร้องเพลงที่โดยุนแต่ง เสียใจที่จะไม่ได้คอยช่วยมัดผมที่ยาวสลวยนั่นหรือคอยใส่ยางติดข้อมือไปไหนมาไหนเพื่อเอาไว้ใช้เป็นยางสำรองให้กับโดยุนอีก
และเสียใจที่ไม่มีมือเบสตัวบางที่ถึงจะชอบตีหน้านิ่งตลอด แต่ก็ขี้อายมากคนนั้นคอยอยู่ข้างๆ
ให้แกล้งอีกแล้ว
แล้วก็นะ.. สำหรับเรื่องนี้ หลายๆ คนอาจจะไม่เชื่อเขาก็ได้
แต่อูซอกก็ขอยืนยันอย่างบริสุทธิ์ใจว่าตัวเขาเองไม่รู้ว่ามันมีการปรับเปลี่ยนสมาชิกภายในวงจริงๆ
มันอาจจะถูกเพิ่มเข้ามาทีหลังโดยวิธีการอะไรบางอย่างหลังจากที่เขาตกปากรับคำเรื่องสัญญาไปแล้ว
หรือไม่ก็อาจจะเป็นทางฝ่ายเขาเองก็ได้ที่อ่านสัญญาไม่ถี่ถ้วน ทว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
เขาก็ขอสาบานจากใจว่าที่เขาไปติดต่อค่ายเพลงโดยไม่ได้ปรึกษาคนอื่นก่อนมันก็เพียงเพราะเขาแค่ต้องการให้วงมาสเคอร์เรดพัฒนา
โด่งดังขึ้น และมีความก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้นเอง ถ้ามีชื่อเสียง
อายุของวงมาสเคอร์เรดก็จะยืนยาวมากขึ้นไปอีก และถ้าวงสามารถมีอยู่ต่อไปได้อีกนานๆ
ล่ะก็ มันก็หมายความว่าเขากับโดยุนก็จะได้ยืนอยู่เคียงข้างกันบนเวทีต่อไปด้วยยังไงล่ะ
สรุปก็คือเขาทำเพื่อวงนั่นแหละ
ไม่..
ไม่ใช่สิ? โอเคๆ เขาจะเลิกอ้างชื่อวงมาสเคอร์เรดแล้วก็ได้
เขาทำลงไปทั้งหมดมันก็เพื่อตัวเอง.. เพื่อที่ฮออูซอกคนนี้จะได้อยู่กับฮันโดยุนตลอดไปยังไงล่ะ
ให้พูดตรงๆ ไหม?
วงมาสเคอร์เรดน่ะจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ บอกก่อนว่าที่พูดแบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักวงนะ
เขาค่อนข้างชอบบรรยากาศภายในวงนี้แถมสมาชิกในวงก็นิสัยดีอีก แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็ต้องเข้าใจฝ่ายเขาด้วยว่าเขาไม่ได้อยู่กับวงนี้มาตั้งแต่แรก
เขาเป็นแค่สมาชิกคนหนึ่งที่เข้ามาร่วมงานในฐานะนักร้องนำหลังจากที่วงมันอยู่ตัวไปนานแล้ว
จะให้มีความรู้สึกรักใคร่ผูกพันต่อวงแบบเดียวกับโดยุนและเพื่อนๆ น่ะ
อูซอกทำไม่ได้หรอก ดังนั้น แม้เรื่องที่เขาไม่รู้ว่าในสัญญาในตอนนั้นมันมีรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสมาชิกมันจะเป็นเรื่องจริงก็เหอะ
ทว่าถ้าลองมาคิดดูอีกที ถึงเขาจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าตัวสัญญามันบังคับให้ต้องนำสมาชิกเก่าออกไปสักคนสองคน
บางทีตัวเขาก็อาจจะยังอยากเซ็นมันอยู่ดีก็ได้
ก็เขาไม่ได้อยากจะเก็บวงหรือเก็บใครคนไหนเอาไว้นี่นา? เขาต้องการแค่ฮันโดยุน
ขอแค่สามารถพาคนตัวเล็กไปด้วยได้ แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว
..หึ
ถ้าให้เดา ตอนนี้หลายๆ
คนคงจะกำลังสาปแช่งเขา กร่นด่าเขาว่าเห็นแก่ตัวยังงั้นยังงี้อยู่ใช่ไหม?
เชิญตามสบายเลย เพราะเขาก็บอกไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนี่นา
ให้ผูกพันกับวงมาสเคอร์เรดหรือรู้สึกรักคนในวงแบบลึกซึ้งน่ะ ฮออูซอกทำไม่ได้หรอก
แต่ถ้าให้รู้สึกรักฮันโดยุนล่ะก็
เขาทำได้ไม่มีปัญหาแน่นอน
อ่า..
คิดถึง..
คิดถึงเป็นบ้าเลย—
“ถ้าจะมานั่งเฮิร์ททีหลังแบบนี้
ก็ไม่ควรปากเสียกับเขาแบบนั้นตั้งแต่แรกหรือเปล่า?”
เสียงทุ้มอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
เป็นคิมจูยง มือกลองของวงมาสเคอร์เรดที่ก็อาศัยอยู่ที่นี่เหมือนกันโดยการหารค่าเช่าร่วมกับเขานั่นเอง
หมอนี่เข้ามาในห้องนั่งเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เท่าที่สังเกตจากการแต่งตัวที่แลดูดีกว่าปกติแล้ว
คิดว่าก็น่าจะเพิ่งกลับมาจากข้างนอกนั่นแหละ ทว่าก็อีกแหละ ประวัติการเดินทางในวันนี้ของหมอนี่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาใส่ใจหรอก
สิ่งที่รบกวนใจของอูซอกจริงๆ น่ะคือประโยคแทงใจดำเมื่อกี้นี้ต่างหาก
“เงียบน่า
คิมจูยง”
“คิดถึงโดยุนล่ะสิ?”
นอกจากจะไม่ยอมเงียบแล้ว
ยังจะยิงประโยคเสียดแทงออกมาสร้างความเสียหายต่อหัวใจเพิ่มเติมอีกหนึ่งดอกอีก
จริงๆ แล้วเพื่อนมือกลองคนนี้เป็นคนใจดีนะ และก็มีความสามารถมากด้วย
ถ้าการเซ็นสัญญากับค่ายเพลงมันสำเร็จล่ะก็
นอกจากโดยุนแล้วก็คงจะมีจูยงนี่แหละที่จะได้อยู่ในวงต่อไป..
ก็นะ ถึงจะใจดีขนาดนั้น แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับโดยุน
ไอ้หมอนี่ก็ไม่ไว้หน้าเขาเลยสักครั้งจริงๆ “ไม่ลองทักไปหาเขาในเฟเธอร์ล่ะ?
คือฉันหมายถึงว่าให้ทักไปดีๆ แบบไม่จิกไม่กัด ไม่ประชดประชัน ลองถามเขาบ้างว่าเขาสบายดีไหมหรืออะไรประมาณนั้น
เพราะถ้าไม่โกยคะแนนเอาไว้บ้าง เดี๋ยวผู้เข้าแข่งขันที่ชื่ออีกยูฮอคอะไรนั่นก็งาบโดยุนไปหรอก
เห็นตามไอ้ตัวเล็กต้อยๆ มาตั้งแต่รอบคัดเลือกแล้วนี่นา ผู้ชายคนนั้นน่ะ”
“เหอะ”
ส่งเสียงพลางยกสองแขนขึ้นไขว้กันจนเป็นท่ากอดอก “หน้าตาก็ไม่ได้ดีมากมาย
น่ารักก็ไม่ค่อยน่ารักอะไรขนาดนั้นแท้ๆ คนชอบหมอนั่นกันเยอะแยะได้ยังไงเนี่ย?
ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
ตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้นแถมยังหลงเขาหัวปักหัวปำแท้ๆ
ยังจะมาปากดีอีกนะ ..นั่นคือสิ่งที่จูยงอยากจะพูด
ทว่าเขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ พูดเยอะเดี๋ยวเรื่องเยอะอีก
เขาถอนหายใจและหันตัวไปหมายจะกลับเข้าห้องของตัวเอง
แต่แล้วก็หยุดเดินเพราะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ซะก่อน “อ้อ จะว่าไป รู้สึกว่าบ้านแฟนไซต์ของโดยุนจะลงภาพใหม่ของไอ้ตัวเล็กมันแล้วนะ
เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำงานพิเศษก็เลยไม่มีโอกาสได้ไปดูหมอนั่นแสดงในห้องส่งสักที
อ่า.. ฉันขอโทษนะฮันโดยุน เอาเป็นว่าจะดูภาพและคอยส่งกำลังใจให้นายผ่านทางไกลก็แล้วกัน”
พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดพลางเดินเข้าห้องของตัวเองไป
อูซอกมองตามจนกระทั่งบานประตูปิดลง
เขามองมันต่ออีกสักครู่เพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนหารค่าห้องของเขาจะไม่ออกมาอีกแล้ว
ก่อนจะพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกข้างโซฟาขึ้นมา นิ้วโป้งใหญ่จิ้มลงไปบนแอพพลิเคชั่นเฟเธอร์
อูซอกเลื่อนไทม์ไลน์ของแอพพลิเคชั่นอยู่สักพัก ไม่นานนัก ภาพของมือเบสตัวเล็กที่กำลังจับไมค์ร้องเพลงอยู่ก็ปรากฎขึ้นมาต่อสายตาจนได้
ผมสั้น..
เหรอ?
อ่า นั่นสิเนอะ
ตั้งแต่ผ่านรอบคัดเลือกไป โดยุนก็ตัดผม เปลี่ยนลุคใหม่หมด ไม่แต่งหน้าเขียนตาเหมือนแต่ก่อน
แม้แต่เครื่องประดับที่เคยประดับอยู่ที่หางคิ้วกับริมฝีปากมุมล่างขวาเสมอก็ยังถูกถอดออกไปหมดเลย
..ให้ตายสิ เรื่องเครื่องประดับยังพอเข้าใจ แต่ผมซอยสั้นนี่ไม่เห็นจะเหมาะตรงไหนเลย
ตอนผมยาวยังดูน่ารักกว่าอีก
แต่..
เฮ้อ ก็อีกแหละ
ขึ้นชื่อว่าฮันโดยุน
จะสไตล์ไหนก็น่ารักหรือเปล่า?
END
🐺 Author’s comment: ใช่ค่ะ น้องโดยุนนี่จะสไตล์ไหนก็น่ารัก
แต่อย่างคุณนี่เขาเรียกว่าคลั่งรักนะคะ คุณฮออูซอก #นี่แน่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าจะสนุกกัน และถ้าสนใจอย่าลืมสนับสนุนเกมบูรี่ด์สตาร์
(Buried Stars) กันด้วยนะ ;w;
ซื้อเกมนี้ทาง steam: คลิกที่นี่
เพลย์ลิสต์ไลฟ์สตรีมของเกมนี้ โดย Miumillion Kou (จบแล้ว): คลิกที่นี่
▷ กลับตอนก่อนหน้า ▷ กลับหน้าสารบัญ ▷ ตอนต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น