《ฺBURIED STARS》 Age Swap / เกมสลับอายุ

 

Age Swap

Buried Stars Fanfiction




“เกมสลับอายุ?”

 

ภายในห้องคาราโอเกะทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ค่อนข้างมืดสลัวและมีแสงไฟหลากสีสันที่คอยสว่างวาบเป็นช่วงๆ สาดส่องอยู่นั้น เสียงของชายหญิงที่รวมจำนวนกันทั้งหมดห้าคนได้ดังประสานขึ้นมา น้ำเสียงของแต่ละคนนั้นแสดงออกถึงความรู้สึกฉงนสงสัยอย่างไม่ปิดบัง โดยท่าทีดังกล่าวก็ทำให้หญิงสาวอีกคนผู้อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีน้ำเงินเข้ม ถูกคลุมทับด้วยเสื้อแจ๊กเก็ตสีขาวตัวหนาพร้อมใส่กางกางขายาวผ้ายีนส์ที่เป็นคนที่หกของกลุ่มและไม่ได้ส่งเสียงประสานร่วมกันกับคนอื่นเขายกยิ้มกริ่มทันที

 

“ใช่แล้วล่ะ” เธอว่า ใบหน้าสวยพยักประกอบหงึกหงักส่งผลให้เรือนผมสั้นหยักสีบลอนด์ของเธอพริ้วไหวขึ้นลงตามไปด้วย ดวงตาซึ่งกำลังสวมใส่คอนแทคเลนส์สีฟ้าที่ส่องประกายนั้น เป็นเครื่องบ่งบอกที่ชัดเจนเลยว่าตอนนี้สาวเจ้ากำลังตื่นเต้นมากแค่ไหน “พอดีว่าเมื่อวันก่อนตอนไปรอรับใบรับรองแพทย์ที่โรงพยาบาล ฉันนั่งดูคลิปที่ศิลปินวงหนึ่งเล่นเกมกันน่ะ คือศิลปินกลุ่มนั้นชื่อวงอะไรฉันก็จำไม่ได้หรอก แต่ฉันจำได้แม่นเลยว่าพวกเขาเล่นเกมนี้กัน และมันก็สนุกมากๆ ด้วยแหละ!

 

“จำศิลปินเจ้าของคลิปไม่ได้ แต่จำเกมที่เล่นในคลิปได้..” เด็กหนุ่มผมสั้นสีแดงสดที่เซ็ตบริเวณผมส่วนหน้าให้ตั้งแหลมและมีการไถข้างที่ลามไปจนถึงส่วนด้านหลังผู้กำลังสวมใส่ชุดเสื้อคอกว้างแขนยาวสีเหลืองคล้ำกับกางเกงยีนส์ขายาวสีดำกล่าว เขาหรี่ดวงตาสีน้ำตาลโทนอุ่นของตัวเองลงนิดหน่อยและพูดต่อ “เธอนี่มันหยาบคายจริงๆ นะ โออินฮา”

 

“ผมว่าคนที่มีพฤติกรรมหยาบคายกว่าทุกคนในที่นี้ ไม่มีสิทธิ์ไปว่าคนอื่นเขานะครับ” ไม่ใช่สาวผมบลอนด์เจ้าของชื่อโออินฮาที่เป็นผู้ตอบโต้ แต่เป็นชายรูปร่างเล็กกะทัดรัดเจ้าของเรือนผมซอยสั้นสีเขียวเข้มผู้อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ มีเสื้อฮู้ดสีน้ำเงินอมเทาสวมทับที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาอีกฝั่งต่างหาก แน่นอนว่าประโยคที่แสดงจุดประสงค์ชัดเจนว่าตั้งใจโจมตีกันนั้น ก็ทำให้เด็กหนุ่มผมแดงที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวนุ่มฝั่งตรงข้ามอีกตัวคิ้วกระตุกอย่างแรงทันที

 

“นายว่าไงนะ จางเซอิล?”

 

“ก็ตามที่ได้ยินเลยล่ะครับ ไอ้คุณซอฮเยซอง”

 

เถียงมาก็เถียงกลับอย่างไม่มีการโกงกันใดๆ ทั้งสิ้น จางเซอิลยกมือข้างขวาขึ้นจัดแว่นตากรอบเหลี่ยมให้เข้าที่เข้าทางและตวัดดวงตาสีดำของตัวเองไปมองเด็กหนุ่มผมแดงเจ้าของชื่อไอ้คุณซอซอฮเยซองอย่างไม่เกรงกลัว ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หากมันไม่มีโต๊ะกระจกซึ่งมีพวกของกินเล่นกับเครื่องดื่มชนิดต่างๆ วางไว้ด้านบนมาตั้งคั่นกลางเอาไว้ล่ะก็ ฝ่ายฮเยซองคงจะกระโดดใส่เซอิล หรือไม่ฝ่ายเซอิลก็คงจะเอากระเป๋าสะพายประจำตัวฟาดใส่หน้าฮเยซองไปแล้วล่ะ

 

            “ไม่เอาน่า ทั้งเซอิลทั้งฮเยซองนั่นแหละ พอได้แล้วทั้งคู่เลย” และก็เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้างและมีเรือนผมสั้นสีน้ำตาลผู้กำลังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาทึบที่เอ่ยปากปราม ทว่าประโยคเรียกร้องความสงบสุขนั้นก็ทำให้เด็กหัวร้อนสองคนหันขวับไปมองเจ้าของประโยคอย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดหมายกันมาในทันที

 

            “พี่ก็ดูมันสิ!!

 

            “เซอิลอา ฮเยซองอา..

 

คู่หูคู่กัดประจำกลุ่มเกิดความสามัคคีกันขึ้นมาในทันควัน โดยมันก็เป็นภาพที่หาดูยากอยู่ ทว่าก็ในตอนนั้นนั่นแหละที่เสียงทุ้มนิ่งงันอีกเสียงดังขึ้น เสียงนั้นเป็นของชายหนุ่มผมดำซอยสั้นผู้สวมใส่ต่างหูสามรูปร่างเอาไว้ที่หูข้างขวาและใส่อีกหนึ่งเอาไว้ที่หูข้างซ้ายที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตำแหน่งข้างๆ กับชายไหล่กว้างผู้พยายามประนีประนอมสงบศึกเมื่อกี้ ชายผมดำคนนี้ไม่ได้มีร่างกายใหญ่โตอะไรนัก เสื้อยืดคอกลมสีดำตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ยาขาวสีเดียวกันนั้นทำให้เห็นชัดเจนเลยว่าเขาออกจะติดผอมบางนิดหน่อยด้วยซ้ำ หากแต่คู่ตาสีทึบอันแสนดุดันนั้นก็ทำให้บรรยากาศรอบข้างหยุดนิ่งทันที เขามองหน้าเซอิลสลับกับหน้าฮเยซองก่อนจะพูดต่อพลางยกสองแขนขึ้นไขว้กันจนกลายเป็นท่ากอดอก

 

“อย่าขึ้นเสียงกับพี่กยูฮยอค เขาเป็นพี่นะ”

“อ่า ขอโทษครับพี่โดยุน ผมเผลอตัวไปหน่อย และผมต้องขอโทษพี่ด้วยนะ พี่กยูฮยอค..

 

ราวกับเพิ่งได้สติกลับคืนมา ชายใส่แว่นผมสีเขียวพูดกับคนอายุมากกว่าทั้งสองด้วยเสียงอ่อน และก้มหน้าต่ำเล็กน้อยแสดงถึงความสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไป ผิดกับเด็กหนุ่มผมแดงที่สีหน้าดูจะแสดงความหงุดหงิดออกมามากกว่าเดิมแทนซะยังงั้น ฮเยซองมองอีกยูฮยอคกับฮันโดยุนที่กำลังนั่งอยู่เคียงข้างกัน จากนั้นจึงขยับย้ายที่เข้าไปนั่งใกล้กับโดยุนมากขึ้น เขาส่งมือไปจับต้นแขนเรียวของคนเป็นพี่เพื่อให้อีกฝ่ายหันมามองตัวเอง โดยในระหว่างที่ทำแบบนั้น ฮเยซองก็พยายามที่จะไม่มองไฝเม็ดจ้อยที่ประดับอยู่ใต้ดวงตาดุดันข้างขวาของโดยุนไปด้วย แหงล่ะ เขามองมันไม่ได้หรอก เพราะถ้าเขาดันเผลอไปมองมันเข้าแม้แต่นิดเดียวล่ะก็..

 

เขาจะต้องเผลอคิดว่าพี่ชายคนนี้น่ารักมากจนโกรธไม่ลงอีกแน่เลย!

 

            “พี่โดยุน! พี่อะเป็นห่วงแต่พี่กยูฮยอคแหละ เข้าข้างผมบ้างไม่ได้เลยเหรอ!?

 

            “ฮเยซอง โดยุนเจ็บนะ” เป็นกยูฮยอคที่ชิงพูดขึ้นมาก่อน เขากดเสียงต่ำ แตกต่างจากตอนที่พูดปรามคู่กัดลิบลับ แถมยังส่งมือตัวเองไปจับต้นแขนอีกข้างที่ยังว่างของโดยุนเพื่อดึงให้คนเป็นน้องกลับมานั่งใกล้ๆ ตัวเองด้วย ซึ่งท่าทางกับคำพูดของกยูฮยอคก็สร้างความงุนงงให้กับโดยุนนิดหน่อย คือพอเข้าใจแหละว่าคนพี่คงเป็นห่วง แต่แค่มองเฉยๆ ก็น่าจะดูออกนะว่าฮเยซองไม่ได้จับแขนเขาแรงอะไรเลย โอเคที่ว่าต่างคนก็ต่างมุมมอง สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูรุนแรงก็ได้ แต่โดยุนก็สาบานได้เช่นกันว่าตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บจริงๆ นะ

 

            “เอ่อ พี่.. ผมไม่เป็น

 

“น่าๆ” โดยุนที่กำลังนั่งสับสนอยู่ตรงกลางระหว่างพี่ชายจอมคิดมากกับน้องชายจอมมุทะลุตั้งใจจะเปิดปากพูด แต่ก็ถูกหญิงสาวอีกคนผู้มีเรือนผมยาวสยายสีดำเป็นเงางามดั่งแพรไหมซึ่งกำลังอยู่ในชุดกระโปรงพริ้วสีขาวสะอาดตาและกำลังนั่งอยู่ข้างๆ อินฮาขัดขึ้นซะก่อน เธอยิ้ม ยกสองมือของตัวเองตบเข้าหากันหนึ่งครั้งเพื่อสยบความวุ่นวายทั้งหมด “วันนี้พวกเราตั้งใจมาฉลองเรื่องที่พวกเราสามารถรอดชีวิตมาได้ และเรื่องที่ได้ออกจากโรงพยาบาลมากันครบทุกคนไม่ใช่เหรอ? ดังนั้น อย่าทะเลาะกันเลยนะจ๊ะ”

 

            “ครับ พวกเราขอโทษครับ พี่ยองงี..

 

อาจจะเพราะเป็นคำพูดจากบุคคลที่อาวุโสที่สุดภายในกลุ่มกระมัง ทุกคนเลยยอมกันง่ายขนาดนี้ และผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาก็ทำให้อินฮาแทบอยากจะลุกขึ้นปรบมือให้กับมินจูยอง อดีตไอดอลสุดสวยที่ภายนอกดูเปราะบาง แต่ภายในกลับมีพลังแฝงสุดแกร่งที่แม้แต่ผู้ชายบางคนก็ยังสู้ไม่ได้เลยทีเดียว

 

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์พังถล่มของเวทีการแสดงของรายการแนวออดิชั่นเอาชีวิตรอดอย่างบูรี่ด์สตาร์ซีซั่นที่สี่ นี่มันก็ผ่านไปเกือบสี่เดือนแล้ว ผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้น มันทำให้เกิดกระแสทางสังคมขึ้นมากมายจนค่าย WBS ที่เป็นเจ้าของรายการตัดสินใจที่จะปรับปรุงกฎเกณฑ์หลายอย่างโดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัยทันที โดยทั้งหมดทั้งมวล มันก็เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถดำเนินขั้นตอนเปิดรายการในซีซั่นที่ห้าซึ่งเป็นซีซั่นต่อไปได้อย่างไร้ปัญหานั่นแหละ

 

และในส่วนของพวกโดยุนที่เป็นทั้งผู้เข้าแข่งขันที่ติดห้าอันดับสูงสุดในซีซั่นที่สี่และผู้รอดชีวิตเอง ก็สามารถที่จะรอดจากอุบัติเหตุดังกล่าวมาได้อย่างหวุดหวิด จริงอยู่ที่ว่าอาจจะมีผู้เสียชีวิตเป็นโปรดิวเซอร์ประจำซีซั่นอย่างชินซึงยอน แถมยังมีเหตุการณ์สุดประหลาดอย่างเรื่องที่ฮเยซองถูกใครก็ไม่รู้ทำร้ายอีก ทว่าในตอนนี้ โดยุนก็สามารถพูดได้เต็มปากเหมือนกันว่าทุกอย่างมันเริ่มดีขึ้นสำหรับพวกเขาทุกคนแล้ว พวกเขาอาจจะช่วยชีวิตโปรดิวเซอร์ชินซึงยอนเอาไว้ไม่ได้เพราะบาดแผลของเธอมันร้ายแรงเกินไป แต่พวกเขาสามารถช่วยเหลือฮเยซองเอาไว้ได้ น่าเสียดาย บาดแผลของฮเยซองมันมีผลกระทบต่อสมองค่อนข้างหนัก แม้จะไม่ถึงขั้นทำให้น้องบกพร่อง สูญเสียความทรงจำหรือเสียชีวิต แต่มันก็ทำให้ฮเยซองจำไม่ได้ว่าบุคคลที่ทำร้ายตัวเองนั้นเป็นใครเช่นกัน

 

ด้วยความที่เป็นแบบนั้น สุดท้าย ตัวตนของคนร้ายผู้ก่อเหตุจึงยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่าโดยุนก็ยังคงคิดไม่ตกเกี่ยวกับประเด็นที่ยังไม่คลี่คลายดังกล่าว คือมันอาจจะฟังดูหลงตัวเองไปหน่อยนะ แต่ตัวเขาก็ถือว่าเป็นหัวหอกสำคัญในการคิดหาทางแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ขณะที่ยังติดกันอยู่ภายใต้ซากเวทีนั่น โดยุนพยายามเต็มที่เพื่อที่จะคอยปกป้องให้ทุกคนปลอดภัยในช่วงเวลานั้น มันจึงไม่แปลกที่เขาจะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องที่มีใครบางคนมาทำร้ายน้องชายคนสนิทของเขา โดยตัวโดยุนเองก็รู้อีกแหละว่าคิดมากไปตอนนี้มันก็ไม่ได้คำตอบแล้ว เวทีถูกทำความสะอาดไปแล้ว ที่เกิดเหตุทุกแห่งก็ถูกพวกคุณตำรวจเข้าไปตรวจสอบแล้ว หลักฐาน เบาะแสหรืออะไรต่างๆ ก็คงจะถูกเก็บไปหมดแล้วด้วย

 

เอาเป็นว่าเลิกคิดก็ได้

 

ไปเรื่องอื่นกันเถอะ..

 

ซึ่งที่พวกโดยุนมารวมตัวกันในห้องร้องเพลงของร้านคาราโอเกะแห่งนี้ มันก็เพื่อเฉลิมฉลอง แสดงความยินดีให้กับการรอดชีวิตมาได้ของพวกตัวเอง กับการที่ทุกคนได้ออกมาจากโรงพยาบาลกันครบแล้ว รวมถึงเพื่อรำลึกถึงโปรดิวเซอร์ชินซึงยอนที่เสียไปในอุบัติเหตุครั้งนั้นด้วย โดยคนที่เป็นต้นคิดเรื่องนี้ก็คือโออินฮา แม่สาวคอนแทคเลนส์สีฟ้าที่เพิ่งจะเสนอให้ทั้งกลุ่มเล่นเกมแปลกๆ ไปเมื่อกี้นี้นั่นแหละ

 

อะ จะว่าไป..

 

เกี่ยวกับเจ้าเกมแปลกๆ ที่ว่า ทุกคนพูดกันไปถึงไหนแล้วนะ?

 

“ก็นั่นแหละ เล่นกันเหอะนะ เกมสลับอายุอะ!” อินฮายังคงพยายามตื๊อไม่เลิก เธอกำสองมือของตัวเองแน่นจนกลายเป็นกำปั้นพร้อมกับให้คำอธิบาย “กฎของเกมก็ตามชื่อมันเลย พวกเราทุกคนในกลุ่มจะสลับอายุกัน คนอายุมากกว่าจะกลายเป็นน้องและคนที่อายุน้อยกว่าจะได้กลายเป็นพี่ และจะต้องเรียกชื่อกันโดยใส่คำนำหน้าให้เหมาะสมด้วยนะ!

 

“ฟังดูเป็นเกมที่เด็กปีนเกลียวอย่างซอฮเยซองน่าจะชอบนะครับเนี่ย”

 

“จางเซอิล!

 

“ฮเยซองอา หยุด” ฮเยซองที่ถูกแขวะตั้งใจจะวีนอีกรอบ ทว่าก็ถูกโดยุนขัดเอาไว้ก่อนจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น อดีตมือเบสจากวงมาสเคอร์เรดมองท่าทางแบบนั้นพลางถอนหายใจ แล้วจึงหันไปคุยกับเพื่อนหญิงคนสนิทสุดห้าวต่อ “จะให้เล่นน่ะก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่กฎแบบนั้นน่ะอินฮาย่าห์ พี่ยองงีเขาจะโอเคด้วยเหรอ?”

 

“นั่นสิ” กยูฮยอคเสริมอย่างเห็นด้วย

 

“ไม่มีปัญหาหรอกจ้ะ” เป็นตัวมินจูยองเองเลยที่ให้คำตอบ เธอประสานมือของตัวเองเข้าหากันและระบายยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี “ถึงจะรู้สึกแปลกๆ หน่อยที่ถูกเรียกชื่อห้วนๆ แต่ถ้าได้เป็นน้องก็หมายความว่าจะได้เป็นเด็กใช่ไหมล่ะจ๊ะ? ฉันโอเคมากๆ เลยแหละ”

 

อ่า..

 

ผู้หญิง..

 

“สมกับเป็นพี่จูยอง! ไม่ว่าจะความคิดหรือรสนิยมก็ดีตลอดจริง~!” อินฮาเอ่ยชมเสียงดังพร้อมกับตวัดแขนกอดร่างเพรียวของจูยองเอาไว้ อินฮาใช้ดวงตากลมตาสีฟ้าของตัวเองช้อนมองจูยอง จากนั้นจึงเอ่ยถาม “นี่ พี่คะ ฉันขอเริ่มเกมเลยได้ไหม?”

 

“อื้อ ได้สิ อินฮา

 

“ต้องเรียกฉันว่าอะไรคะ?”

 

..?

 

?????

 

“อา..?”

 

จูยองตั้งใจจะพูดตามปกตินั่นแหละ ทว่าก็ถูกน้ำเสียงที่นิ่งและฟังดูจริงจังกว่าปกติของอินฮาทำให้ชะงักซะก่อน ไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่คู่ตาน่ารักเหมือนดั่งลูกแมวที่มักจะซุกซนเหมือนเด็กๆ อยู่เสมอซึ่งกำลังช้อนมองขึ้นมาก็เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นแววตาอันตรายแบบผู้ใหญ่ที่มีความคิดล้ำลึกเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันดังกล่าวทำให้จูยองที่โตที่สุดในกลุ่มถึงกับหน้าแดงทันที เธอเลื่อนสายตาไปมา ไม่นานนักก็ก้มหน้างุดและเริ่มกล่าวออกไปตามเกมด้วยเสียงอ้อมแอ้ม

 

“พ.. พี่อินฮาคะ..

 

..!?

 

“วะ.. ว้าว..” แม้จะเป็นคนเริ่มเอง แต่พอได้เห็นการตอบสนองแบบนั้นของคนเป็นพี่ อินฮาก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน สองแก้มของเธอร้อนผ่าว ไม่จำเป็นต้องเอากระจกมาส่อง อินฮาก็พอจะคาดเดาได้ว่าบริเวณที่ร้อนมันคงจะกำลังขึ้นสีแดงระเรื่ออยู่แน่ๆ เธอยกมือขึ้นเกาศีรษะตัวเองคล้ายกับต้องการแก้เก้อพร้อมส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ ออกมา “อ่า หิวน้ำจังเลยเนอะ? ฮ่าๆๆ แปลกจัง จู่ๆ ก็คอแห้งขึ้นมา.. หวา! บนโต๊ะนี่ไม่มีของที่ฉันชอบดื่มเลยนี่นา ใครเป็นคนสั่งมาเนี่ย? ฮ่าๆ ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อที่ตู้ขายของอัตโนมัติหน้าร้านเอง เดี๋ยวมานะ!

 

! พี่อินฮาเอ้ย! อินฮาย่าห์ ฉันไปด้วยสิ!!

 

“เอ๊ะ? เอ๋!!? เดี๋ยวก่อนครับ!! ไปกันแค่สองคนแบบนั้นมันอันตรายนะ ถึงถนนแถวนี้จะไม่ค่อยมีคนหนาแน่นมาก แต่ถ้าเกิดมีคนอันตรายหรือพวกสตอร์คเกอร์ไปกันซะแล้วแฮะ” และทั้งอินฮาทั้งจูยองก็วิ่งตามกันออกไปจากห้อง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนทำให้เซอิลแทบตั้งตัวไม่ทัน แม้รายการบูรี่ด์สตาร์ซีซั่นที่สี่จะจบไปแล้ว แต่สำหรับเซอิล ตัวเขายังเป็นหนึ่งในทีมงานและคนพวกนี้ก็ยังเป็นผู้เข้าแข่งขันอนาคตไกลที่เขาอยากจะคอยดูแลต่อไป เขาถอนหายใจและเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าใบประจำขึ้นมาสะพาย จากนั้นจึงเดินไปที่ประตูพลางกล่าวรัว “เดี๋ยวผมจะไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเธอนะครับ ผมอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ดีกว่าให้ผู้หญิงไปกันแค่สองคนแหละ ทั้งสามคนอยู่ในห้องนี้และห้ามออกไปไหนนะ ให้สองคนนั้นกลับมาก่อนค่อยไปกัน เข้าใจนะครับ?”

 

            “เซอิลอา อย่าเพิ่ง

 

            ปัง!

 

            เสียงบานประตูของห้องคาราโอเกะที่ถูกปิดลงนั้นขัดประโยคของโดยุนโดยสมบูรณ์ เขาไม่ได้คิดจะห้ามไม่ให้เซอิลไปหรอก ปกติผู้หญิงอยู่ด้วยกันเองตามลำพังมันก็อันตรายมากอยู่แล้ว ที่สำคัญกว่านั้น ทั้งจูยองทั้งอินฮาก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปด้วย ทั้งคู่เป็นคนดัง เป็นผู้เข้าแข่งขันอันดับสูงของบูรี่ด์สตาร์ซีซั่นที่สี่ที่ถึงแม้ตัวรายการมันจะจบไปแล้วแต่ชื่อเสียงของพวกเธอก็ไม่ได้จบตามไปด้วย ดังนั้น การที่เซอิลตัดสินใจจะตามพวกเธอไปน่ะโดยุนมองว่าถูกต้องแล้ว แต่ที่โดยุนพยายามเรียกคนเป็นน้องเอาไว้นี่คือเขาอยากจะไปด้วยไง ก็ไม่ใช่แค่พี่ยองงีหรืออินฮาแค่สองคนเท่านั้นสักหน่อย โดยุนเองก็เป็นห่วงเซอิลมากเหมือนกันนะ

 

            “ช่วยไม่ได้แฮะ ..หือ?” โดยุนยันตัวลุกขึ้นยืนจากโซฟาตัวนุ่มเพื่อจะไล่ตามเซอิลไป แต่ก็ถูกมือซ้ายของใครบางคนจับเข้าที่ข้อมือซะก่อน เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นฮเยซองนั่นเอง โดยุนเอียงศีรษะนิดหน่อยด้วยความงุนงง “เอ่อ.. มีอะไรเหรอ ฮเยซองอา? คือฉันจะไปหาเซอิล

 

            “พูดไม่ถูกนี่นา”

 

            “หะ?”

 

            “ยังเล่นกันอยู่นี่” เด็กหนุ่มผมแดงกล่าว คู่ตาสีน้ำตาลโทนอุ่นเฉไปมองทางอื่นครู่หนึ่งจากนั้นจึงค่อยกลอกตากลับมามองคนเป็นพี่ผมดำที่กำลังยืนอยู่ดังเดิม “เกมสลับอายุน่ะ”

 

..??

 

????????????

 

“หา?”

 

เผลอปล่อยคำอุทานออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ความรู้สึกงุนงงยกระดับไปเป็นความรู้สึกไม่เข้าใจอย่างรวดเร็ว คือ.. เดี๋ยวนะเดี๋ยว? อะไรยังไงนะ? ฮันโดยุนไม่เข้าใจ ตอนนี้คือยังเล่นเกมกันอยู่เหรอ? ชายหนุ่มผู้มีไฝเม็ดจ้อยประดับอยู่ใต้ตาข้างขวาพยายามต่อสู้กับความงงงวยที่เกิดขึ้นในสมองและคิดหาคำพูดสักคำที่จะทำให้เด็กเลือดร้อนคนนี้ยอมปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระสักที

 

“เจ้าจางเซอิลก็เพิ่งบอกไปเมื่อกี้ไม่ใช่หรือไง ว่าพวกเราไม่ควรออกไปไหนน่ะ?” ทว่าก็เป็นฝ่ายฮเยซองที่ชิงพูดขัดขึ้นมาก่อน เด็กหนุ่มผมสีเพลิงกระชับมือของตัวเองที่กำลังจับอยู่ที่ข้อมือบางให้แน่นขึ้นอีกนิดแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นจะทำให้เจ้าของข้อมือต้องรู้สึกเจ็บ ก่อนจะช้อนดวงตามองใบหน้าน่ารักของชายหนุ่มผมสีทมิฬพร้อมกับเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงที่นิ่งกว่าเดิม “ผมว่าหมอนั่นคงจะเป็นห่วงพวกเราแหละ เลยสั่งเอาไว้แบบนั้น เพราะพวกเราเองก็เป็นบุคคลสาธารณะเหมือนพี่จูยองกับยัยโอนั่นนี่นา ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าคงไม่ดี ผมว่าเราควรทำตามหมอนั่นดีกว่านะ”

 

“แต่ว่า

 

“ถ้าอยากจะให้ผมปล่อยขนาดนั้น ก็ลองบอกให้ผมปล่อยโดยใช้กฎของเกมสลับอายุสิ” เป็นอีกครั้งที่น้องตัวเตี้ยขัดประโยคของพี่ชายตัวสูง ฮเยซองล้วงมือข้างขวาที่ว่างเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและยกยิ้มทะเล้น “บางที ถ้าพี่ยอมพูด ผมอาจจะยอมปล่อยพี่ก็ได้นะ”

 

            และความเงียบสงัดก็เข้ากัดกินบรรยากาศภายในห้องคาราโอเกะทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสแห่งนี้โดยพลัน จริงๆ แล้วโดยุนก็นึกอยากจะดุฮเยซองเหมือนกันที่เล่นอะไรไม่รู้จักดูสถานการณ์ ทว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ วินาทีนี้โดยุนกลับรู้สึกว่าฮเยซองดูแบบ.. ยังไงดีล่ะ? ผู้ใหญ่? คือโอเคที่ว่าถ้าในแง่ความสูง ฮเยซองก็ยังคงตัวเล็กกว่าเขาอยู่นั่นแหละ แต่ก็ช่างน่าแปลก ที่ในสายตาของโดยุนในขณะนี้ ฮเยซองดูไม่เหมือนเด็กเลยจริงๆ เขาดูเหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่ได้เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มที่แล้ว แล้วไหนจะดวงตากลมสีน้ำตาลโทนอุ่นที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจริงจังเกินพอดีนั่นอีก ทุกปัจจัยมันทำให้คนอายุมากกว่านึกถ้อยคำที่จะนำมาต่อว่าไม่ออก อีกอย่าง ท่าทางแบบนี้ต่อให้เขาพูดจนปากฉีกไปจนถึงใบหู คนเป็นน้องก็คงจะไม่ยอมฟังอยู่ดีแหละ น่าจะเป็นฝ่ายเขามากกว่าที่จะรู้สึกใจแดงน่ะ

 

            ..อือ โอเค

 

            ถึงจะงงนิดหน่อยก็เหอะ ว่าทำไมตัวเองจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย แต่เขา.. ฮันโดยุนคนนี้น่ะเป็นชาวร็อคเลยนะ

 

            ชาวร็อคน่ะทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว!

 

“เฮ้อ..

 

ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะทรุดตัวคุกเข่าลงต่อหน้าฮเยซอง คราวนี้เป็นฝ่ายเด็กหนุ่มผมแดงผู้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวนุ่มบ้างที่รู้สึกงุนงงต่อการกระทำของอีกฝ่าย ฮเยซองอยากจะถามโดยุนเหมือนกันว่าคิดจะทำอะไร ทว่าเพราะใบหน้าน่ารักที่เงยมากับดวงตาเรียวที่กำลังช้อนมอง มันทำให้สมองของฮเยซองไม่ยอมทำงานอย่างที่ควรเป็น พี่โดยุนน่ะตัวสูงกว่าเขา มันเลยมักจะต้องเป็นเขาตลอดที่ต้องเงยหน้ามองคนเป็นพี่ แต่ในวินาทีนี้มันไม่ใช่แบบนั้น มันกลายเป็นฝ่ายเขาที่ต้องก้มหน้ามองโดยุนและโดยุนต้องเงยหน้ามองเขา ซึ่ง.. มุมมองที่ไม่คุ้นเคยนี้ก็ทำให้ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นภายในอกของฮเยซองเต้นผิดจังหวะขึ้นมาเอ๊ะ? นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่? ให้ตายสิ ไม่ได้นะซอฮเยซอง! มีสติหน่อย!! เด็กปากร้ายส่ายหน้ารัว และนึกจะเปิดปากถามพี่ชายคนสนิทว่าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่

 

“พี่ฮเยซองครับ ปล่อยผมก่อนเถอะนะครับ ..นะ?”

 

..?

 

??????????????????????????

 

พรึ่บ!!

 

!!?”

 

ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งไปเกือบนาทีก่อนจะถูกทำลายจนหมดสิ้นโดยการลุกยืนพรวดพราดของเด็กหนุ่มผมแดง ซึ่งปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันแบบนั้นก็ทำให้โดยุนพลอยตกใจไปด้วย เพราะยังอยู่ในท่าคุกเข่า เจ้าของอันดับสี่เลยยังจำเป็นต้องเงยมองเจ้าของอันดับห้าเช่นเดิม และก็ไม่รู้ว่าโรคชอบคิดมากของเขามันกำเริบอีกแล้วหรือเปล่า แต่คือ.. มันแดง?

 

ตั้งแต่สองแก้มเนียน ลามไปยั้นใบหูทั้งสองข้าง.. อวัยวะเหล่านั้นของซอฮเยซองมันกำลังขึ้นเป็นสีแดงล่ะ ..ใช่ อาการเหมือนกับมินจูยองและโออินฮาไม่ผิดเพี้ยนเลย

 

นี่ อย่าบอกนะว่าฮเยซอง..

 

ก็หิวน้ำเหมือนกัน?

 

“นี่นายอ้าว? เฮ้!! นายจะออกไปไหนล่ะนั่นซอฮเยซอง? นายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าพวกเราควรต้องอยู่ในห้องตามที่เซอิลบอกน่ะ!?” ตั้งใจจะถามไถ่อาการของคนเป็นน้อง ทว่ายังไม่ทันจะได้เริ่มพูดประโยค เด็กหนุ่มผมแดงตัวแสบก็สับเท้าวิ่งสี่คูณร้อยออกจากห้องไปซะแล้ว โดยุนรีบยืนขึ้นและตะโกนไล่หลังไปสุดเสียงแต่ก็ไม่สามารถหยุดฮเยซองเอาไว้ได้ โดยุนถอนหายใจออกมาอีกครั้งพลางก้าวเท้าออกเดินเพื่อหมายจะไปที่ประตูพร้อมกับออกปากพึมพำไปด้วย “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน อ๊ะ”

 

..เอาจริงๆ การเดินออกจากห้องคาราโอเกะสักห้องมันไม่น่าจะยากขนาดนั้น แต่ฮันโดยุนกลับทำไม่สำเร็จเลยสักครั้ง ข้อมือข้างเดิมของเขาถูกคว้าจับเอาไว้อีกแล้ว และเมื่อเขาหันไปมอง ก็ได้พบกับสมาชิกภายในกลุ่มคนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ภายในห้องทันที

 

“มีอะไรครับ พี่กยูฮยอค?”

 

“เกมสลับอายุ..

 

“หา? พี่ก็เอากับเขาด้วยเหรอ?” ถามพร้อมเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ สารภาพตามตรง ตั้งแต่ที่ได้มีโอกาสรู้จักกันมา โดยุนไม่เคยมีความคิดหรือความรู้สึกอยากจะต่อว่ากยูฮยอคมาก่อนเลยสักครั้ง จะบอกว่าเพราะคนตัวสูงอายุมากกว่าเขามันก็ใช่อยู่ แต่เหตุผลที่ใหญ่กว่านั้นมันก็เป็นเพราะพี่ชายคนนี้มักจะทำตัวเรียบร้อย อยู่ในกฎเกณฑ์จนไม่มีอะไรให้ต้องว่าต่างหาก ทว่าในตอนนี้คือมันไม่ใช่ไง ขอโทษนะครับพี่กยูฮยอค น้องโดยุนขอพูดตรงๆ บ้างนะ! “พี่ครับ ผมว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลานะ ทุกคนกระจัดกระจายกันไปหมดเลย พวกเราควรออกไปตามหา

 

“แต่ทีกับฮเยซอง โดยุนยังยอมพูดด้วยเลยนะ”

 

แต่แล้วประโยคที่ถูกเรียบเรียงมาอย่างดีก็ต้องเป็นหมันไปเมื่อคนตัวสูงปฏิเสธที่จะฟังมัน มิหนำซ้ำยังมีการทำสีหน้าเศร้าเหมือนหมีหิวน้ำผึ้งให้คนมองต้องรู้สึกผิดแถมมาเป็นของสัมนาคุณด้วย โดยุนตั้งใจจะอธิบายเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด ทว่าฝ่ายกยูฮยอคก็ไม่ยอมฟังแล้ว เขาดึงข้อมือของคนอายุน้อยกว่าเพื่อให้เดินตามมา และไปทรุดตัวนั่งลงบนตำแหน่งเดิมของโซฟา ใบหน้าหล่อเงยมองใบหน้าน่ารักของหนุ่มเสื้อยืดดำที่กำลังยืนค้ำศีรษะตัวเองอยู่ คิ้วคมทรงเสน่ห์ที่สาวๆ ทุกคนต่างชื่นชอบขมวดแน่นพร้อมกับริมฝีปากหนาที่กล่าวประโยคตัดพ้อที่ทำให้คนฟังต้องรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกหนึ่งหมื่นเท่าออกมา

 

“พูดกับผมบ้างไม่ได้เหรอ..?”

 

…?

 

เฮ้อ..

 

ให้ตายเถอะ..

 

“ไม่เอาน่า..

 

ร่างเล็กพึมพำเสียงแผ่วก่อนจะยื่นมือขวาของตัวเองไปค้ำยันเข้ากับพนักพิงของโซฟาบริเวณข้างๆ ใบหน้าหล่อ พร้อมกับโน้มร่างกายต่ำลงไปหาร่างสูงด้วย ก็เหมือนกับฮเยซองนั่นแหละ กยูฮยอคก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าโดยุนตั้งใจจะทำอะไร เพราะปกติ เด็กคนนี้ก็มักจะทำอะไรที่มันเหนือความคาดหมายของคนรอบข้างอยู่แล้ว ดูอย่างในกรณีของเขาสิ เขายังตกหลุมรักโดยุนโดยที่ตัวเองไม่ได้คาดหมายเอาไว้เลย

 

อะ?

 

อะแฮ่ม..

 

อย่างไรก็ดี ระยะห่างที่เริ่มจะลดน้อยลงเรื่อยๆ ในทุกจังหวะที่คนเป็นน้องเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้นี้มันก็ได้ทำให้หัวใจดวงโตในอกแกร่งเริ่มเต้นระส่ำเสียแล้ว และเมื่อมันอยู่ในระยะที่ลมหายใจอุ่นสามารถมารดกระทบที่ใบหน้าของเขาได้ กยูฮยอคก็อดทนนั่งนิ่งต่อไปไม่ไหวอีก เขาตั้งใจที่จะพูดอะไรบางอย่างเพื่อให้โดยุนถอยห่างไปสักเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยของตัวน้องเอง

 

“ไม่ดีเลย ทำตัวดื้อแบบนี้พี่ลำบากใจนะ กยูฮยอคอา”

 

..?

 

?????????????????????????????????????????????????????

 

..หือ? อ้าว?” ความเงียบกระจายตัวอยู่สักพักจนกระทั่งฝ่ายคนพี่ยันตัวลุกขึ้นยืนจากโซฟา โดยุนมองกยูฮยอคที่ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรสักคำและเอาแต่เดินดุ่มๆ ไปที่ประตูที่เป็นทั้งทางเข้าและทางออกของห้องคาราโอเกะนี้ คนน้องยกนิ้วชี้ข้างขวาขึ้นเกาไฝเม็ดจ้อยใต้ดวงตาข้างเดียวกันของตัวเองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะตัดสินใจถามออกไปในที่สุด “กยูฮยอคอาเอ่อ.. พี่กยูฮยอคครับ จะไปไหนเหรอ?”

 

คนถูกถามไปหยุดยืนที่หน้าประตู กยูฮยอคจับลูกบิดสแตนเลสนิ่งค้างอยู่แบบนั้นสักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปให้คำตอบกับโดยุนด้วยรอยยิ้มบางพร้อมกับใบหูทั้งสองข้างที่เป็นสีแดง

 

“ไปซื้อน้ำน่ะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

END

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

🐺 Author’s comment: เกมสลับอายุนี่ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมสุดคลาสสิกสำหรับศิลปิน ไอดอลในเกาหลีเลยนะ มันเป็นเกมแนวละลายพฤติกรรมที่มีมานานมากตั้งแต่ที่มิวเพิ่งจะเริ่มติดตามวงการนี้เมื่อหลายปีก่อนแล้ว มิวก็เลยอยากจะลองเขียนให้ตัวละครในบูรี่ด์สตาร์เล่นเกมนี้กันบ้าง หวังว่าจะสนุกกันนะคะ ..อ้อ และที่น่าเสียดายอีกอย่าง ก็คือโปรดิวเซอร์ชินซึงยอน จริงๆ มิวอยากเขียนให้เธออยู่กับพวกเด็กๆ ด้วยนะ แต่เพราะตัวเนื้อเรื่องในเกมมันเป็นแบบนั้น มิวเลยยังไม่แน่ใจว่าควรจะชุบเธอยังไงดีมันถึงจะสมเหตุสมผล และสามารถให้อภัยเธอได้.. เอาเป็นว่าครั้งต่อๆ ไป มิวจะพยายามให้มากขึ้นนะคะ ;-;


🐺 ซื้อเกมนี้ทาง steam: คลิกที่นี่

🐺 เพลย์ลิสต์ไลฟ์สตรีมของเกมนี้ โดย Miumillion Kou (จบแล้ว): คลิกที่นี่




         กลับตอนก่อนหน้า                            กลับหน้าสารบัญ                               ตอนต่อไป

 

ความคิดเห็น