Age Swap
Buried Stars Fanfiction
“เกมสลับอายุ?”
ภายในห้องคาราโอเกะทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ค่อนข้างมืดสลัวและมีแสงไฟหลากสีสันที่คอยสว่างวาบเป็นช่วงๆ
สาดส่องอยู่นั้น เสียงของชายหญิงที่รวมจำนวนกันทั้งหมดห้าคนได้ดังประสานขึ้นมา
น้ำเสียงของแต่ละคนนั้นแสดงออกถึงความรู้สึกฉงนสงสัยอย่างไม่ปิดบัง
โดยท่าทีดังกล่าวก็ทำให้หญิงสาวอีกคนผู้อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีน้ำเงินเข้ม
ถูกคลุมทับด้วยเสื้อแจ๊กเก็ตสีขาวตัวหนาพร้อมใส่กางกางขายาวผ้ายีนส์ที่เป็นคนที่หกของกลุ่มและไม่ได้ส่งเสียงประสานร่วมกันกับคนอื่นเขายกยิ้มกริ่มทันที
“ใช่แล้วล่ะ” เธอว่า ใบหน้าสวยพยักประกอบหงึกหงักส่งผลให้เรือนผมสั้นหยักสีบลอนด์ของเธอพริ้วไหวขึ้นลงตามไปด้วย
ดวงตาซึ่งกำลังสวมใส่คอนแทคเลนส์สีฟ้าที่ส่องประกายนั้น
เป็นเครื่องบ่งบอกที่ชัดเจนเลยว่าตอนนี้สาวเจ้ากำลังตื่นเต้นมากแค่ไหน
“พอดีว่าเมื่อวันก่อนตอนไปรอรับใบรับรองแพทย์ที่โรงพยาบาล ฉันนั่งดูคลิปที่ศิลปินวงหนึ่งเล่นเกมกันน่ะ
คือศิลปินกลุ่มนั้นชื่อวงอะไรฉันก็จำไม่ได้หรอก
แต่ฉันจำได้แม่นเลยว่าพวกเขาเล่นเกมนี้กัน และมันก็สนุกมากๆ ด้วยแหละ!”
“จำศิลปินเจ้าของคลิปไม่ได้
แต่จำเกมที่เล่นในคลิปได้..” เด็กหนุ่มผมสั้นสีแดงสดที่เซ็ตบริเวณผมส่วนหน้าให้ตั้งแหลมและมีการไถข้างที่ลามไปจนถึงส่วนด้านหลังผู้กำลังสวมใส่ชุดเสื้อคอกว้างแขนยาวสีเหลืองคล้ำกับกางเกงยีนส์ขายาวสีดำกล่าว
เขาหรี่ดวงตาสีน้ำตาลโทนอุ่นของตัวเองลงนิดหน่อยและพูดต่อ “เธอนี่มันหยาบคายจริงๆ
นะ โออินฮา”
“ผมว่าคนที่มีพฤติกรรมหยาบคายกว่าทุกคนในที่นี้
ไม่มีสิทธิ์ไปว่าคนอื่นเขานะครับ” ไม่ใช่สาวผมบลอนด์เจ้าของชื่อโออินฮาที่เป็นผู้ตอบโต้
แต่เป็นชายรูปร่างเล็กกะทัดรัดเจ้าของเรือนผมซอยสั้นสีเขียวเข้มผู้อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ
มีเสื้อฮู้ดสีน้ำเงินอมเทาสวมทับที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาอีกฝั่งต่างหาก
แน่นอนว่าประโยคที่แสดงจุดประสงค์ชัดเจนว่าตั้งใจโจมตีกันนั้น
ก็ทำให้เด็กหนุ่มผมแดงที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวนุ่มฝั่งตรงข้ามอีกตัวคิ้วกระตุกอย่างแรงทันที
“นายว่าไงนะ จางเซอิล?”
“ก็ตามที่ได้ยินเลยล่ะครับ ไอ้คุณซอฮเยซอง”
เถียงมาก็เถียงกลับอย่างไม่มีการโกงกันใดๆ
ทั้งสิ้น จางเซอิลยกมือข้างขวาขึ้นจัดแว่นตากรอบเหลี่ยมให้เข้าที่เข้าทางและตวัดดวงตาสีดำของตัวเองไปมองเด็กหนุ่มผมแดงเจ้าของชื่อไอ้คุณซอ— ซอฮเยซองอย่างไม่เกรงกลัว
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หากมันไม่มีโต๊ะกระจกซึ่งมีพวกของกินเล่นกับเครื่องดื่มชนิดต่างๆ
วางไว้ด้านบนมาตั้งคั่นกลางเอาไว้ล่ะก็ ฝ่ายฮเยซองคงจะกระโดดใส่เซอิล
หรือไม่ฝ่ายเซอิลก็คงจะเอากระเป๋าสะพายประจำตัวฟาดใส่หน้าฮเยซองไปแล้วล่ะ
“ไม่เอาน่า
ทั้งเซอิลทั้งฮเยซองนั่นแหละ พอได้แล้วทั้งคู่เลย” และก็เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่
ไหล่กว้างและมีเรือนผมสั้นสีน้ำตาลผู้กำลังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาทึบที่เอ่ยปากปราม
ทว่าประโยคเรียกร้องความสงบสุขนั้นก็ทำให้เด็กหัวร้อนสองคนหันขวับไปมองเจ้าของประโยคอย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดหมายกันมาในทันที
“พี่ก็ดูมันสิ!!”
“เซอิลอา ฮเยซองอา..”
คู่หูคู่กัดประจำกลุ่มเกิดความสามัคคีกันขึ้นมาในทันควัน
โดยมันก็เป็นภาพที่หาดูยากอยู่ ทว่าก็ในตอนนั้นนั่นแหละที่เสียงทุ้มนิ่งงันอีกเสียงดังขึ้น
เสียงนั้นเป็นของชายหนุ่มผมดำซอยสั้นผู้สวมใส่ต่างหูสามรูปร่างเอาไว้ที่หูข้างขวาและใส่อีกหนึ่งเอาไว้ที่หูข้างซ้ายที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตำแหน่งข้างๆ
กับชายไหล่กว้างผู้พยายามประนีประนอมสงบศึกเมื่อกี้
ชายผมดำคนนี้ไม่ได้มีร่างกายใหญ่โตอะไรนัก เสื้อยืดคอกลมสีดำตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ยาขาวสีเดียวกันนั้นทำให้เห็นชัดเจนเลยว่าเขาออกจะติดผอมบางนิดหน่อยด้วยซ้ำ
หากแต่คู่ตาสีทึบอันแสนดุดันนั้นก็ทำให้บรรยากาศรอบข้างหยุดนิ่งทันที เขามองหน้าเซอิลสลับกับหน้าฮเยซองก่อนจะพูดต่อพลางยกสองแขนขึ้นไขว้กันจนกลายเป็นท่ากอดอก
“อย่าขึ้นเสียงกับพี่กยูฮยอค เขาเป็นพี่นะ”
“อ่า ขอโทษครับพี่โดยุน ผมเผลอตัวไปหน่อย
และผมต้องขอโทษพี่ด้วยนะ พี่กยูฮยอค..”
ราวกับเพิ่งได้สติกลับคืนมา ชายใส่แว่นผมสีเขียวพูดกับคนอายุมากกว่าทั้งสองด้วยเสียงอ่อน
และก้มหน้าต่ำเล็กน้อยแสดงถึงความสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไป
ผิดกับเด็กหนุ่มผมแดงที่สีหน้าดูจะแสดงความหงุดหงิดออกมามากกว่าเดิมแทนซะยังงั้น ฮเยซองมองอีกยูฮยอคกับฮันโดยุนที่กำลังนั่งอยู่เคียงข้างกัน
จากนั้นจึงขยับย้ายที่เข้าไปนั่งใกล้กับโดยุนมากขึ้น เขาส่งมือไปจับต้นแขนเรียวของคนเป็นพี่เพื่อให้อีกฝ่ายหันมามองตัวเอง
โดยในระหว่างที่ทำแบบนั้น ฮเยซองก็พยายามที่จะไม่มองไฝเม็ดจ้อยที่ประดับอยู่ใต้ดวงตาดุดันข้างขวาของโดยุนไปด้วย
แหงล่ะ เขามองมันไม่ได้หรอก เพราะถ้าเขาดันเผลอไปมองมันเข้าแม้แต่นิดเดียวล่ะก็..
เขาจะต้องเผลอคิดว่าพี่ชายคนนี้น่ารักมากจนโกรธไม่ลงอีกแน่เลย!
“พี่โดยุน! พี่อะเป็นห่วงแต่พี่กยูฮยอคแหละ เข้าข้างผมบ้างไม่ได้เลยเหรอ!?”
“ฮเยซอง โดยุนเจ็บนะ” เป็นกยูฮยอคที่ชิงพูดขึ้นมาก่อน
เขากดเสียงต่ำ แตกต่างจากตอนที่พูดปรามคู่กัดลิบลับ แถมยังส่งมือตัวเองไปจับต้นแขนอีกข้างที่ยังว่างของโดยุนเพื่อดึงให้คนเป็นน้องกลับมานั่งใกล้ๆ
ตัวเองด้วย ซึ่งท่าทางกับคำพูดของกยูฮยอคก็สร้างความงุนงงให้กับโดยุนนิดหน่อย
คือพอเข้าใจแหละว่าคนพี่คงเป็นห่วง แต่แค่มองเฉยๆ
ก็น่าจะดูออกนะว่าฮเยซองไม่ได้จับแขนเขาแรงอะไรเลย โอเคที่ว่าต่างคนก็ต่างมุมมอง
สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูรุนแรงก็ได้ แต่โดยุนก็สาบานได้เช่นกันว่าตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บจริงๆ
นะ
“เอ่อ พี่.. ผมไม่เป็น—”
“น่าๆ” โดยุนที่กำลังนั่งสับสนอยู่ตรงกลางระหว่างพี่ชายจอมคิดมากกับน้องชายจอมมุทะลุตั้งใจจะเปิดปากพูด
แต่ก็ถูกหญิงสาวอีกคนผู้มีเรือนผมยาวสยายสีดำเป็นเงางามดั่งแพรไหมซึ่งกำลังอยู่ในชุดกระโปรงพริ้วสีขาวสะอาดตาและกำลังนั่งอยู่ข้างๆ
อินฮาขัดขึ้นซะก่อน เธอยิ้ม ยกสองมือของตัวเองตบเข้าหากันหนึ่งครั้งเพื่อสยบความวุ่นวายทั้งหมด
“วันนี้พวกเราตั้งใจมาฉลองเรื่องที่พวกเราสามารถรอดชีวิตมาได้ และเรื่องที่ได้ออกจากโรงพยาบาลมากันครบทุกคนไม่ใช่เหรอ?
ดังนั้น อย่าทะเลาะกันเลยนะจ๊ะ”
“ครับ พวกเราขอโทษครับ พี่ยองงี..”
อาจจะเพราะเป็นคำพูดจากบุคคลที่อาวุโสที่สุดภายในกลุ่มกระมัง
ทุกคนเลยยอมกันง่ายขนาดนี้ และผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาก็ทำให้อินฮาแทบอยากจะลุกขึ้นปรบมือให้กับมินจูยอง
อดีตไอดอลสุดสวยที่ภายนอกดูเปราะบาง แต่ภายในกลับมีพลังแฝงสุดแกร่งที่แม้แต่ผู้ชายบางคนก็ยังสู้ไม่ได้เลยทีเดียว
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์พังถล่มของเวทีการแสดงของรายการแนวออดิชั่นเอาชีวิตรอดอย่างบูรี่ด์สตาร์ซีซั่นที่สี่
นี่มันก็ผ่านไปเกือบสี่เดือนแล้ว ผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้น
มันทำให้เกิดกระแสทางสังคมขึ้นมากมายจนค่าย WBS ที่เป็นเจ้าของรายการตัดสินใจที่จะปรับปรุงกฎเกณฑ์หลายอย่างโดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัยทันที
โดยทั้งหมดทั้งมวล มันก็เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถดำเนินขั้นตอนเปิดรายการในซีซั่นที่ห้าซึ่งเป็นซีซั่นต่อไปได้อย่างไร้ปัญหานั่นแหละ
และในส่วนของพวกโดยุนที่เป็นทั้งผู้เข้าแข่งขันที่ติดห้าอันดับสูงสุดในซีซั่นที่สี่และผู้รอดชีวิตเอง
ก็สามารถที่จะรอดจากอุบัติเหตุดังกล่าวมาได้อย่างหวุดหวิด จริงอยู่ที่ว่าอาจจะมีผู้เสียชีวิตเป็นโปรดิวเซอร์ประจำซีซั่นอย่างชินซึงยอน
แถมยังมีเหตุการณ์สุดประหลาดอย่างเรื่องที่ฮเยซองถูกใครก็ไม่รู้ทำร้ายอีก ทว่าในตอนนี้
โดยุนก็สามารถพูดได้เต็มปากเหมือนกันว่าทุกอย่างมันเริ่มดีขึ้นสำหรับพวกเขาทุกคนแล้ว
พวกเขาอาจจะช่วยชีวิตโปรดิวเซอร์ชินซึงยอนเอาไว้ไม่ได้เพราะบาดแผลของเธอมันร้ายแรงเกินไป
แต่พวกเขาสามารถช่วยเหลือฮเยซองเอาไว้ได้ น่าเสียดาย บาดแผลของฮเยซองมันมีผลกระทบต่อสมองค่อนข้างหนัก
แม้จะไม่ถึงขั้นทำให้น้องบกพร่อง สูญเสียความทรงจำหรือเสียชีวิต
แต่มันก็ทำให้ฮเยซองจำไม่ได้ว่าบุคคลที่ทำร้ายตัวเองนั้นเป็นใครเช่นกัน
ด้วยความที่เป็นแบบนั้น สุดท้าย
ตัวตนของคนร้ายผู้ก่อเหตุจึงยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่าโดยุนก็ยังคงคิดไม่ตกเกี่ยวกับประเด็นที่ยังไม่คลี่คลายดังกล่าว
คือมันอาจจะฟังดูหลงตัวเองไปหน่อยนะ แต่ตัวเขาก็ถือว่าเป็นหัวหอกสำคัญในการคิดหาทางแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ
ขณะที่ยังติดกันอยู่ภายใต้ซากเวทีนั่น
โดยุนพยายามเต็มที่เพื่อที่จะคอยปกป้องให้ทุกคนปลอดภัยในช่วงเวลานั้น มันจึงไม่แปลกที่เขาจะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องที่มีใครบางคนมาทำร้ายน้องชายคนสนิทของเขา
โดยตัวโดยุนเองก็รู้อีกแหละว่าคิดมากไปตอนนี้มันก็ไม่ได้คำตอบแล้ว เวทีถูกทำความสะอาดไปแล้ว
ที่เกิดเหตุทุกแห่งก็ถูกพวกคุณตำรวจเข้าไปตรวจสอบแล้ว หลักฐาน เบาะแสหรืออะไรต่างๆ
ก็คงจะถูกเก็บไปหมดแล้วด้วย
เอาเป็นว่าเลิกคิดก็ได้
ไปเรื่องอื่นกันเถอะ..
ซึ่งที่พวกโดยุนมารวมตัวกันในห้องร้องเพลงของร้านคาราโอเกะแห่งนี้
มันก็เพื่อเฉลิมฉลอง แสดงความยินดีให้กับการรอดชีวิตมาได้ของพวกตัวเอง กับการที่ทุกคนได้ออกมาจากโรงพยาบาลกันครบแล้ว
รวมถึงเพื่อรำลึกถึงโปรดิวเซอร์ชินซึงยอนที่เสียไปในอุบัติเหตุครั้งนั้นด้วย
โดยคนที่เป็นต้นคิดเรื่องนี้ก็คือโออินฮา แม่สาวคอนแทคเลนส์สีฟ้าที่เพิ่งจะเสนอให้ทั้งกลุ่มเล่นเกมแปลกๆ
ไปเมื่อกี้นี้นั่นแหละ
อะ จะว่าไป..
เกี่ยวกับเจ้าเกมแปลกๆ ที่ว่า
ทุกคนพูดกันไปถึงไหนแล้วนะ?
“ก็นั่นแหละ เล่นกันเหอะนะ เกมสลับอายุอะ!” อินฮายังคงพยายามตื๊อไม่เลิก เธอกำสองมือของตัวเองแน่นจนกลายเป็นกำปั้นพร้อมกับให้คำอธิบาย
“กฎของเกมก็ตามชื่อมันเลย พวกเราทุกคนในกลุ่มจะสลับอายุกัน
คนอายุมากกว่าจะกลายเป็นน้องและคนที่อายุน้อยกว่าจะได้กลายเป็นพี่
และจะต้องเรียกชื่อกันโดยใส่คำนำหน้าให้เหมาะสมด้วยนะ!”
“ฟังดูเป็นเกมที่เด็กปีนเกลียวอย่างซอฮเยซองน่าจะชอบนะครับเนี่ย”
“จางเซอิล!”
“ฮเยซองอา หยุด”
ฮเยซองที่ถูกแขวะตั้งใจจะวีนอีกรอบ ทว่าก็ถูกโดยุนขัดเอาไว้ก่อนจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น
อดีตมือเบสจากวงมาสเคอร์เรดมองท่าทางแบบนั้นพลางถอนหายใจ
แล้วจึงหันไปคุยกับเพื่อนหญิงคนสนิทสุดห้าวต่อ “จะให้เล่นน่ะก็ไม่มีปัญหาหรอก
แต่กฎแบบนั้นน่ะอินฮาย่าห์ พี่ยองงีเขาจะโอเคด้วยเหรอ?”
“นั่นสิ” กยูฮยอคเสริมอย่างเห็นด้วย
“ไม่มีปัญหาหรอกจ้ะ”
เป็นตัวมินจูยองเองเลยที่ให้คำตอบ เธอประสานมือของตัวเองเข้าหากันและระบายยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี
“ถึงจะรู้สึกแปลกๆ หน่อยที่ถูกเรียกชื่อห้วนๆ
แต่ถ้าได้เป็นน้องก็หมายความว่าจะได้เป็นเด็กใช่ไหมล่ะจ๊ะ? ฉันโอเคมากๆ เลยแหละ”
อ่า..
ผู้หญิง..
“สมกับเป็นพี่จูยอง! ไม่ว่าจะความคิดหรือรสนิยมก็ดีตลอดจริง~!”
อินฮาเอ่ยชมเสียงดังพร้อมกับตวัดแขนกอดร่างเพรียวของจูยองเอาไว้
อินฮาใช้ดวงตากลมตาสีฟ้าของตัวเองช้อนมองจูยอง จากนั้นจึงเอ่ยถาม “นี่ พี่คะ
ฉันขอเริ่มเกมเลยได้ไหม?”
“อื้อ ได้สิ อินฮา—”
“ต้องเรียกฉันว่าอะไรคะ?”
..?
?????
“อา..?”
จูยองตั้งใจจะพูดตามปกตินั่นแหละ
ทว่าก็ถูกน้ำเสียงที่นิ่งและฟังดูจริงจังกว่าปกติของอินฮาทำให้ชะงักซะก่อน ไม่ใช่แค่นั้น
แม้แต่คู่ตาน่ารักเหมือนดั่งลูกแมวที่มักจะซุกซนเหมือนเด็กๆ
อยู่เสมอซึ่งกำลังช้อนมองขึ้นมาก็เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นแววตาอันตรายแบบผู้ใหญ่ที่มีความคิดล้ำลึกเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันดังกล่าวทำให้จูยองที่โตที่สุดในกลุ่มถึงกับหน้าแดงทันที
เธอเลื่อนสายตาไปมา ไม่นานนักก็ก้มหน้างุดและเริ่มกล่าวออกไปตามเกมด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“พ.. พี่อินฮาคะ..”
..!?
“วะ.. ว้าว..” แม้จะเป็นคนเริ่มเอง แต่พอได้เห็นการตอบสนองแบบนั้นของคนเป็นพี่
อินฮาก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน สองแก้มของเธอร้อนผ่าว ไม่จำเป็นต้องเอากระจกมาส่อง
อินฮาก็พอจะคาดเดาได้ว่าบริเวณที่ร้อนมันคงจะกำลังขึ้นสีแดงระเรื่ออยู่แน่ๆ
เธอยกมือขึ้นเกาศีรษะตัวเองคล้ายกับต้องการแก้เก้อพร้อมส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ ออกมา
“อ่า หิวน้ำจังเลยเนอะ? ฮ่าๆๆ แปลกจัง จู่ๆ ก็คอแห้งขึ้นมา.. หวา! บนโต๊ะนี่ไม่มีของที่ฉันชอบดื่มเลยนี่นา ใครเป็นคนสั่งมาเนี่ย?
ฮ่าๆ ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อที่ตู้ขายของอัตโนมัติหน้าร้านเอง เดี๋ยวมานะ!”
“! พี่อินฮา— เอ้ย! อินฮาย่าห์ ฉันไปด้วยสิ!!”
“เอ๊ะ? เอ๋!!? เดี๋ยวก่อนครับ!! ไปกันแค่สองคนแบบนั้นมันอันตรายนะ ถึงถนนแถวนี้จะไม่ค่อยมีคนหนาแน่นมาก
แต่ถ้าเกิดมีคนอันตรายหรือพวกสตอร์คเกอร์— ไปกันซะแล้วแฮะ” และทั้งอินฮาทั้งจูยองก็วิ่งตามกันออกไปจากห้อง
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนทำให้เซอิลแทบตั้งตัวไม่ทัน
แม้รายการบูรี่ด์สตาร์ซีซั่นที่สี่จะจบไปแล้ว แต่สำหรับเซอิล
ตัวเขายังเป็นหนึ่งในทีมงานและคนพวกนี้ก็ยังเป็นผู้เข้าแข่งขันอนาคตไกลที่เขาอยากจะคอยดูแลต่อไป
เขาถอนหายใจและเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าใบประจำขึ้นมาสะพาย จากนั้นจึงเดินไปที่ประตูพลางกล่าวรัว
“เดี๋ยวผมจะไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเธอนะครับ ผมอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก
แต่ก็ดีกว่าให้ผู้หญิงไปกันแค่สองคนแหละ ทั้งสามคนอยู่ในห้องนี้และห้ามออกไปไหนนะ
ให้สองคนนั้นกลับมาก่อนค่อยไปกัน เข้าใจนะครับ?”
“เซอิลอา
อย่าเพิ่ง—”
ปัง!
เสียงบานประตูของห้องคาราโอเกะที่ถูกปิดลงนั้นขัดประโยคของโดยุนโดยสมบูรณ์
เขาไม่ได้คิดจะห้ามไม่ให้เซอิลไปหรอก ปกติผู้หญิงอยู่ด้วยกันเองตามลำพังมันก็อันตรายมากอยู่แล้ว
ที่สำคัญกว่านั้น ทั้งจูยองทั้งอินฮาก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปด้วย
ทั้งคู่เป็นคนดัง เป็นผู้เข้าแข่งขันอันดับสูงของบูรี่ด์สตาร์ซีซั่นที่สี่ที่ถึงแม้ตัวรายการมันจะจบไปแล้วแต่ชื่อเสียงของพวกเธอก็ไม่ได้จบตามไปด้วย
ดังนั้น การที่เซอิลตัดสินใจจะตามพวกเธอไปน่ะโดยุนมองว่าถูกต้องแล้ว แต่ที่โดยุนพยายามเรียกคนเป็นน้องเอาไว้นี่คือเขาอยากจะไปด้วยไง
ก็ไม่ใช่แค่พี่ยองงีหรืออินฮาแค่สองคนเท่านั้นสักหน่อย
โดยุนเองก็เป็นห่วงเซอิลมากเหมือนกันนะ
“ช่วยไม่ได้แฮะ ..หือ?” โดยุนยันตัวลุกขึ้นยืนจากโซฟาตัวนุ่มเพื่อจะไล่ตามเซอิลไป
แต่ก็ถูกมือซ้ายของใครบางคนจับเข้าที่ข้อมือซะก่อน
เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นฮเยซองนั่นเอง โดยุนเอียงศีรษะนิดหน่อยด้วยความงุนงง “เอ่อ..
มีอะไรเหรอ ฮเยซองอา? คือฉันจะไปหาเซอิล—”
“พูดไม่ถูกนี่นา”
“หะ?”
“ยังเล่นกันอยู่นี่”
เด็กหนุ่มผมแดงกล่าว คู่ตาสีน้ำตาลโทนอุ่นเฉไปมองทางอื่นครู่หนึ่งจากนั้นจึงค่อยกลอกตากลับมามองคนเป็นพี่ผมดำที่กำลังยืนอยู่ดังเดิม
“เกมสลับอายุน่ะ”
..??
????????????
“หา?”
เผลอปล่อยคำอุทานออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ความรู้สึกงุนงงยกระดับไปเป็นความรู้สึกไม่เข้าใจอย่างรวดเร็ว คือ..
เดี๋ยวนะเดี๋ยว? อะไรยังไงนะ? ฮันโดยุนไม่เข้าใจ ตอนนี้คือยังเล่นเกมกันอยู่เหรอ?
ชายหนุ่มผู้มีไฝเม็ดจ้อยประดับอยู่ใต้ตาข้างขวาพยายามต่อสู้กับความงงงวยที่เกิดขึ้นในสมองและคิดหาคำพูดสักคำที่จะทำให้เด็กเลือดร้อนคนนี้ยอมปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระสักที
“เจ้าจางเซอิลก็เพิ่งบอกไปเมื่อกี้ไม่ใช่หรือไง ว่าพวกเราไม่ควรออกไปไหนน่ะ?”
ทว่าก็เป็นฝ่ายฮเยซองที่ชิงพูดขัดขึ้นมาก่อน เด็กหนุ่มผมสีเพลิงกระชับมือของตัวเองที่กำลังจับอยู่ที่ข้อมือบางให้แน่นขึ้นอีกนิดแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นจะทำให้เจ้าของข้อมือต้องรู้สึกเจ็บ
ก่อนจะช้อนดวงตามองใบหน้าน่ารักของชายหนุ่มผมสีทมิฬพร้อมกับเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงที่นิ่งกว่าเดิม
“ผมว่าหมอนั่นคงจะเป็นห่วงพวกเราแหละ เลยสั่งเอาไว้แบบนั้น เพราะพวกเราเองก็เป็นบุคคลสาธารณะเหมือนพี่จูยองกับยัยโอนั่นนี่นา
ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าคงไม่ดี ผมว่าเราควรทำตามหมอนั่นดีกว่านะ”
“แต่ว่า—”
“ถ้าอยากจะให้ผมปล่อยขนาดนั้น ก็ลองบอกให้ผมปล่อยโดยใช้กฎของเกมสลับอายุสิ”
เป็นอีกครั้งที่น้องตัวเตี้ยขัดประโยคของพี่ชายตัวสูง
ฮเยซองล้วงมือข้างขวาที่ว่างเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและยกยิ้มทะเล้น “บางที
ถ้าพี่ยอมพูด ผมอาจจะยอมปล่อยพี่ก็ได้นะ”
และความเงียบสงัดก็เข้ากัดกินบรรยากาศภายในห้องคาราโอเกะทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสแห่งนี้โดยพลัน
จริงๆ แล้วโดยุนก็นึกอยากจะดุฮเยซองเหมือนกันที่เล่นอะไรไม่รู้จักดูสถานการณ์
ทว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ วินาทีนี้โดยุนกลับรู้สึกว่าฮเยซองดูแบบ..
ยังไงดีล่ะ? ผู้ใหญ่? คือโอเคที่ว่าถ้าในแง่ความสูง
ฮเยซองก็ยังคงตัวเล็กกว่าเขาอยู่นั่นแหละ แต่ก็ช่างน่าแปลก
ที่ในสายตาของโดยุนในขณะนี้ ฮเยซองดูไม่เหมือนเด็กเลยจริงๆ เขาดูเหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่ได้เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มที่แล้ว
แล้วไหนจะดวงตากลมสีน้ำตาลโทนอุ่นที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจริงจังเกินพอดีนั่นอีก
ทุกปัจจัยมันทำให้คนอายุมากกว่านึกถ้อยคำที่จะนำมาต่อว่าไม่ออก อีกอย่าง
ท่าทางแบบนี้ต่อให้เขาพูดจนปากฉีกไปจนถึงใบหู คนเป็นน้องก็คงจะไม่ยอมฟังอยู่ดีแหละ
น่าจะเป็นฝ่ายเขามากกว่าที่จะรู้สึกใจแดงน่ะ
..อือ โอเค
ถึงจะงงนิดหน่อยก็เหอะ
ว่าทำไมตัวเองจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย แต่เขา.. ฮันโดยุนคนนี้น่ะเป็นชาวร็อคเลยนะ
ชาวร็อคน่ะทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว!
“เฮ้อ..”
ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะทรุดตัวคุกเข่าลงต่อหน้าฮเยซอง
คราวนี้เป็นฝ่ายเด็กหนุ่มผมแดงผู้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวนุ่มบ้างที่รู้สึกงุนงงต่อการกระทำของอีกฝ่าย
ฮเยซองอยากจะถามโดยุนเหมือนกันว่าคิดจะทำอะไร ทว่าเพราะใบหน้าน่ารักที่เงยมากับดวงตาเรียวที่กำลังช้อนมอง
มันทำให้สมองของฮเยซองไม่ยอมทำงานอย่างที่ควรเป็น พี่โดยุนน่ะตัวสูงกว่าเขา
มันเลยมักจะต้องเป็นเขาตลอดที่ต้องเงยหน้ามองคนเป็นพี่ แต่ในวินาทีนี้มันไม่ใช่แบบนั้น
มันกลายเป็นฝ่ายเขาที่ต้องก้มหน้ามองโดยุนและโดยุนต้องเงยหน้ามองเขา ซึ่ง..
มุมมองที่ไม่คุ้นเคยนี้ก็ทำให้ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นภายในอกของฮเยซองเต้นผิดจังหวะขึ้นมา—
เอ๊ะ? นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่? ให้ตายสิ ไม่ได้นะซอฮเยซอง! มีสติหน่อย!! เด็กปากร้ายส่ายหน้ารัว และนึกจะเปิดปากถามพี่ชายคนสนิทว่าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่—
“พี่ฮเยซองครับ ปล่อยผมก่อนเถอะนะครับ
..นะ?”
..?
??????????????????????????
พรึ่บ!!
“!!?”
ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งไปเกือบนาทีก่อนจะถูกทำลายจนหมดสิ้นโดยการลุกยืนพรวดพราดของเด็กหนุ่มผมแดง
ซึ่งปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันแบบนั้นก็ทำให้โดยุนพลอยตกใจไปด้วย เพราะยังอยู่ในท่าคุกเข่า
เจ้าของอันดับสี่เลยยังจำเป็นต้องเงยมองเจ้าของอันดับห้าเช่นเดิม
และก็ไม่รู้ว่าโรคชอบคิดมากของเขามันกำเริบอีกแล้วหรือเปล่า แต่คือ..
มันแดง?
ตั้งแต่สองแก้มเนียน ลามไปยั้นใบหูทั้งสองข้าง..
อวัยวะเหล่านั้นของซอฮเยซองมันกำลังขึ้นเป็นสีแดงล่ะ ..ใช่ อาการเหมือนกับมินจูยองและโออินฮาไม่ผิดเพี้ยนเลย
นี่ อย่าบอกนะว่าฮเยซอง..
ก็หิวน้ำเหมือนกัน?
“นี่นาย— อ้าว? เฮ้!! นายจะออกไปไหนล่ะนั่นซอฮเยซอง? นายบอกเองไม่ใช่เหรอ
ว่าพวกเราควรต้องอยู่ในห้องตามที่เซอิลบอกน่ะ!?” ตั้งใจจะถามไถ่อาการของคนเป็นน้อง
ทว่ายังไม่ทันจะได้เริ่มพูดประโยค เด็กหนุ่มผมแดงตัวแสบก็สับเท้าวิ่งสี่คูณร้อยออกจากห้องไปซะแล้ว
โดยุนรีบยืนขึ้นและตะโกนไล่หลังไปสุดเสียงแต่ก็ไม่สามารถหยุดฮเยซองเอาไว้ได้
โดยุนถอนหายใจออกมาอีกครั้งพลางก้าวเท้าออกเดินเพื่อหมายจะไปที่ประตูพร้อมกับออกปากพึมพำไปด้วย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน— อ๊ะ”
..เอาจริงๆ การเดินออกจากห้องคาราโอเกะสักห้องมันไม่น่าจะยากขนาดนั้น แต่ฮันโดยุนกลับทำไม่สำเร็จเลยสักครั้ง
ข้อมือข้างเดิมของเขาถูกคว้าจับเอาไว้อีกแล้ว และเมื่อเขาหันไปมอง
ก็ได้พบกับสมาชิกภายในกลุ่มคนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ภายในห้องทันที
“มีอะไรครับ พี่กยูฮยอค?”
“เกมสลับอายุ..”
“หา? พี่ก็เอากับเขาด้วยเหรอ?” ถามพร้อมเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ
สารภาพตามตรง ตั้งแต่ที่ได้มีโอกาสรู้จักกันมา โดยุนไม่เคยมีความคิดหรือความรู้สึกอยากจะต่อว่ากยูฮยอคมาก่อนเลยสักครั้ง
จะบอกว่าเพราะคนตัวสูงอายุมากกว่าเขามันก็ใช่อยู่
แต่เหตุผลที่ใหญ่กว่านั้นมันก็เป็นเพราะพี่ชายคนนี้มักจะทำตัวเรียบร้อย อยู่ในกฎเกณฑ์จนไม่มีอะไรให้ต้องว่าต่างหาก
ทว่าในตอนนี้คือมันไม่ใช่ไง ขอโทษนะครับพี่กยูฮยอค น้องโดยุนขอพูดตรงๆ บ้างนะ! “พี่ครับ ผมว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลานะ ทุกคนกระจัดกระจายกันไปหมดเลย พวกเราควรออกไปตามหา—”
“แต่ทีกับฮเยซอง โดยุนยังยอมพูดด้วยเลยนะ”
แต่แล้วประโยคที่ถูกเรียบเรียงมาอย่างดีก็ต้องเป็นหมันไปเมื่อคนตัวสูงปฏิเสธที่จะฟังมัน
มิหนำซ้ำยังมีการทำสีหน้าเศร้าเหมือนหมีหิวน้ำผึ้งให้คนมองต้องรู้สึกผิดแถมมาเป็นของสัมนาคุณด้วย
โดยุนตั้งใจจะอธิบายเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด ทว่าฝ่ายกยูฮยอคก็ไม่ยอมฟังแล้ว
เขาดึงข้อมือของคนอายุน้อยกว่าเพื่อให้เดินตามมา
และไปทรุดตัวนั่งลงบนตำแหน่งเดิมของโซฟา
ใบหน้าหล่อเงยมองใบหน้าน่ารักของหนุ่มเสื้อยืดดำที่กำลังยืนค้ำศีรษะตัวเองอยู่
คิ้วคมทรงเสน่ห์ที่สาวๆ ทุกคนต่างชื่นชอบขมวดแน่นพร้อมกับริมฝีปากหนาที่กล่าวประโยคตัดพ้อที่ทำให้คนฟังต้องรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกหนึ่งหมื่นเท่าออกมา
“พูดกับผมบ้างไม่ได้เหรอ..?”
…?
เฮ้อ..
ให้ตายเถอะ..
“ไม่เอาน่า..”
ร่างเล็กพึมพำเสียงแผ่วก่อนจะยื่นมือขวาของตัวเองไปค้ำยันเข้ากับพนักพิงของโซฟาบริเวณข้างๆ
ใบหน้าหล่อ พร้อมกับโน้มร่างกายต่ำลงไปหาร่างสูงด้วย ก็เหมือนกับฮเยซองนั่นแหละ
กยูฮยอคก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าโดยุนตั้งใจจะทำอะไร เพราะปกติ
เด็กคนนี้ก็มักจะทำอะไรที่มันเหนือความคาดหมายของคนรอบข้างอยู่แล้ว
ดูอย่างในกรณีของเขาสิ เขายังตกหลุมรักโดยุนโดยที่ตัวเองไม่ได้คาดหมายเอาไว้เลย—
อะ?
อะแฮ่ม..
อย่างไรก็ดี ระยะห่างที่เริ่มจะลดน้อยลงเรื่อยๆ
ในทุกจังหวะที่คนเป็นน้องเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้นี้มันก็ได้ทำให้หัวใจดวงโตในอกแกร่งเริ่มเต้นระส่ำเสียแล้ว
และเมื่อมันอยู่ในระยะที่ลมหายใจอุ่นสามารถมารดกระทบที่ใบหน้าของเขาได้ กยูฮยอคก็อดทนนั่งนิ่งต่อไปไม่ไหวอีก
เขาตั้งใจที่จะพูดอะไรบางอย่างเพื่อให้โดยุนถอยห่างไปสักเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยของตัวน้องเอง—
“ไม่ดีเลย ทำตัวดื้อแบบนี้พี่ลำบากใจนะ กยูฮยอคอา”
..?
?????????????????????????????????????????????????????
“..หือ? อ้าว?” ความเงียบกระจายตัวอยู่สักพักจนกระทั่งฝ่ายคนพี่ยันตัวลุกขึ้นยืนจากโซฟา
โดยุนมองกยูฮยอคที่ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรสักคำและเอาแต่เดินดุ่มๆ
ไปที่ประตูที่เป็นทั้งทางเข้าและทางออกของห้องคาราโอเกะนี้ คนน้องยกนิ้วชี้ข้างขวาขึ้นเกาไฝเม็ดจ้อยใต้ดวงตาข้างเดียวกันของตัวเองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะตัดสินใจถามออกไปในที่สุด
“กยูฮยอคอา— เอ่อ.. พี่กยูฮยอคครับ จะไปไหนเหรอ?”
คนถูกถามไปหยุดยืนที่หน้าประตู กยูฮยอคจับลูกบิดสแตนเลสนิ่งค้างอยู่แบบนั้นสักครู่หนึ่ง
จากนั้นจึงหันไปให้คำตอบกับโดยุนด้วยรอยยิ้มบางพร้อมกับใบหูทั้งสองข้างที่เป็นสีแดง
“ไปซื้อน้ำน่ะ”
END
🐺 Author’s comment: เกมสลับอายุนี่ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมสุดคลาสสิกสำหรับศิลปิน
ไอดอลในเกาหลีเลยนะ มันเป็นเกมแนวละลายพฤติกรรมที่มีมานานมากตั้งแต่ที่มิวเพิ่งจะเริ่มติดตามวงการนี้เมื่อหลายปีก่อนแล้ว
มิวก็เลยอยากจะลองเขียนให้ตัวละครในบูรี่ด์สตาร์เล่นเกมนี้กันบ้าง
หวังว่าจะสนุกกันนะคะ ..อ้อ และที่น่าเสียดายอีกอย่าง
ก็คือโปรดิวเซอร์ชินซึงยอน จริงๆ มิวอยากเขียนให้เธออยู่กับพวกเด็กๆ ด้วยนะ แต่เพราะตัวเนื้อเรื่องในเกมมันเป็นแบบนั้น
มิวเลยยังไม่แน่ใจว่าควรจะชุบเธอยังไงดีมันถึงจะสมเหตุสมผล และสามารถให้อภัยเธอได้..
เอาเป็นว่าครั้งต่อๆ ไป มิวจะพยายามให้มากขึ้นนะคะ ;-;
🐺 ซื้อเกมนี้ทาง steam: คลิกที่นี่
🐺 เพลย์ลิสต์ไลฟ์สตรีมของเกมนี้ โดย Miumillion Kou (จบแล้ว): คลิกที่นี่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น